Share

เปิดกรุสุดยอด 6 เอฟเฟกต์มหัศจรรย์! ปั้นเสียงร้องให้ปังเหมือนซูเปอร์สตาร์

05/06/2024

สวัสดีครับ เพื่อนๆ มิวสิคโปรดิวเซอร์และศิลปินทุกคน วันนี้ผมมีสุดยอดเอฟเฟกต์ที่จะช่วยเปลี่ยนเสียงร้องธรรมดา ให้กลายเป็นเสียงอันทรงพลัง ปังปุริเย่ เหมือนซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาฝากกันครับ ซึ่งผมได้รวบรวมข้อมูลจากเหล่าตัวพ่อตัวแม่วงการเพลงมากมาย ที่ใช้เอฟเฟกต์เหล่านี้เป็นอาวุธลับในการสร้างเอกลักษณ์ให้กับเสียงร้องของพวกเขา

หลายคนอาจสงสัยว่า “เอ๊ะ! แล้วมีเอฟเฟกต์อะไรบ้างล่ะ ที่ช่วยให้นักร้องธรรมดากลายเป็นซุปตาร์ได้?” ไม่ต้องรอช้าครับ ผมจะเผยความลับนี้แบบไม่มีกั๊ก! พร้อมบอกทริคการปรับแต่งให้ได้ซาวด์สุดปัง แบบที่ใครๆ ก็ต้องหันมามอง งั้นมาลุยกันเลยดีกว่า Let’s go!

1.Auto-Tune สุดยอดปลั๊กอินแก้เสียงเพี้ยน

  1. Auto-Tune ถือเป็นเอฟเฟกต์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการทำเพลงป๊อปหรืออาร์แอนด์บีสมัยใหม่ เพราะช่วยปรับแต่งเสียงร้องที่ไม่ตรงคีย์ ให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง แถมยังสร้างลูกเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ให้เสียงร้องดูแปลกใหม่อีกด้วย

ปลั๊กอินที่เป็นที่นิยมก็มีหลายตัว เช่น

  • Antares Auto-Tune Pro ขั้นเทพที่สุดในวงการ
  • Waves Tune เป็นมิตรกับงบประมาณ ใช้ง่ายเหมาะกับมือใหม่
  • Melda MAutoPitch แถมโหมดปรับเสียงเป็นโน้ตดนตรีได้ด้วย

ใครเป็นแฟนเพลงป๊อป คงต้องเคยได้ยิน Auto-Tune ในเพลงฮิตติดชาร์ตอย่าง “Believe” ของ Cher ที่กลายเป็นตำนานไปแล้ว หรือเพลงดังของ T-Pain อย่าง “Buy U a Drank” ที่มีการปรับเสียงด้วย Auto-Tune จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

2.Pitch Correction ช่วยแก้ไขคีย์เสียงด่วน

Pitch Correction เป็นเอฟเฟกต์คล้ายๆ Auto-Tune แต่จะเน้นไปที่การแก้ไขระดับเสียงที่ผิดคีย์เป็นหลัก ทำให้ปรับจูนได้รวดเร็วกว่า เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเนียนใส เสียงใกล้เคียงธรรมชาติ

ปลั๊กอินในกลุ่มนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่

  • Celemony Melodyne สุดยอดของการแก้ไขเสียงร้อง
  • Waves Tune Real-Time ช่วยปรับคีย์ได้อย่างเรียลไทม์
  • iZotope Nectar 3 ครบเครื่องเรื่องปรับแต่งเสียงร้อง

ในเพลงฮิตระดับโลกอย่าง “Senorita” ของ Shawn Mendes และ Camila Cabello ที่ Josh Gudwin มือมิกซ์ชื่อดังเป็นคนดูแล ก็ใช้ Melodyne ในการแก้ไขเสียงร้องบางจุดที่มีปัญหา เพื่อให้ซาวด์ออกมาเนียนกริบที่สุด

3.Saturation เพิ่มความอบอุ่นแบบวินเทจ

Saturation เป็นการเพิ่มกลิ่นอายความวินเทจ ความอบอุ่น ให้กับเสียงร้อง ด้วยการเพิ่มฮาร์โมนิกเข้าไปอย่างนุ่มนวล ทำให้ได้ซาวด์ที่แอนะล็อก พร้อมปรุงแต่งคาแรคเตอร์ของเสียงให้ดูมีเสน่ห์ขึ้น

แนะนำปลั๊กอินอย่าง

  • Softube Saturation Knob ฟรีแต่คุณภาพเทพมาก
  • Waves J37 Tape จำลองเสียงจากเทปรีลโบราณยุค 60s
  • FabFilter Saturn 2 Saturation สุดยอดรายละเอียด 16 ประเภทในตัวเดียว

Chris Lord-Alge มือปั้นSoundแห่งวงการ มักใช้ Saturation ในการอัดเสียงร้องศิลปินดังอย่าง James Bay ให้มีความเป็นวินเทจ ในเพลง “Let It Go” ส่วน Adele ก็ขอให้ Greg Kurstin โปรดิวเซอร์คู่ใจ บิดเสียงเธอผ่าน Tape Saturation จนได้ซาวด์อันอบอุ่นในเพลง “Hello” ที่โด่งดังไปทั่วโลก

4.De-esser ร่ายมนตร์ลดเสียงซ่า

เสียงร้องบางคนอาจมีความแหลมจากพยัญชนะ S มากเกินไป จนฟังดูแล้วแสบแก้วหู ตรงนี้มีเอฟเฟกต์ De-esser คอยช่วยกำจัดเสียงซ่า ร่ายมนตร์ทำให้เนียนนุ่ม โดยใช้หลักการคอมเพรสช่วงความถี่เฉพาะจุด เมื่อเสียงแหลมเกินระดับที่ตั้งไว้ [4]

ปลั๊กอินยอดฮิตได้แก่

  • FabFilter Pro-DS ตัวพ่อในการกำจัดเสียง Sibilance
  • Waves DeEsser เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ใช้ง่ายได้ผลไว
  • iZotope RX 7 De-esser แก้ปัญหาเสียงแหลมครบวงจร

Taylor Swift ก็ใช้ปลั๊กอิน De-esser ในเพลง “Look What You Made Me Do” เพื่อลดความแหลมของเสียง S ในท่อนฮุคให้นุ่มนวลขึ้น ซึ่ง Serban Ghenea วิศวกรมิกซ์ชื่อดัง เป็นคนจัดการปรับให้จนเสียงลงตัวพอดี

5.Vocal Doubler เสริมเสียงร้องให้หนา

Vocal Doubler เป็นเอฟเฟกต์ที่ช่วยเพิ่มความหนาให้กับเสียงร้องหลัก โดยการเพิ่มเสียงร้องสำเนาที่คล้ายกัน แต่ดีเลย์เวลาออกไปเล็กน้อย ฟังแล้วเหมือนมีนักร้องหลายคนมาร้องประสานกัน ทำให้ได้ซาวด์ที่มีมิติ ดูอลังการและทรงพลังมากขึ้น

ปลั๊กอินสำหรับทำ Vocal Doubling เช่น

  • Waves Reel ADT คลาสสิกสุดๆ ให้ดีเลย์สไตล์เทปวินเทจ
  • iZotope Vocal Synth 2 สร้างเสียงประสานได้หลากสไตล์
  • Soundtoys Microshift ดับเบิ้ลเสียงร้องให้หนาอิ่ม แต่ยังคงความชัด

Serban Ghenea มือมิกซ์ประจำตัวของ The Weeknd ก็เผยว่าใช้ปลั๊กอิน Reel ADT ในการเสริมซาวด์เสียงร้องของ Abel ให้ทรงพลังยิ่งขึ้นในอัลบั้ม Starboy เช่นเดียวกับ Ariana Grande ที่ใช้ Vocal Doubler ในการสร้างเสียงคอรัสนักร้องหญิงในเพลง “No Tears Left to Cry” ที่กลายเป็นซิงเกิ้ลฮิต

6.Harmonizer ร้องประสานทันใจ

Harmonizer เป็นเอฟเฟกต์ที่ใช้สร้างเสียงประสานจากเสียงร้องหลักได้ทันที โดยการเปลี่ยนความสูงต่ำของเสียงร้องตามโน้ตที่ตั้งไว้ สร้างซาวด์หลายเสียงร้องแบบง่ายๆ ซึ่งสามารถปรับแต่งความหนาบาง ความชัดเจน หรือแม้กระทั่งปรับเป็นซาวด์ประสานที่ร้องแบบ “อู้ ฮูว ” เหมือนนักร้องหลังไมค์ได้ด้วย

ปลั๊กอินแนะนำเช่น

  • Eventide H3000 Factory สุดยอดฮาร์โมไนเซอร์ที่หลายค่ายเพลงต้องมี
  • Antares Harmony Engine ปรับซาวด์นักร้องประสานได้ตามใจ
  • TC Helicon VoiceLive สร้างเสียงคอรัสนักร้องได้แบบเรียลไทม์

ในเพลง “Shallow” ประกอบหนัง A Star Is Born นั้น Lady Gaga ได้ใช้ปลั๊กอิน H3000 Factory ในการสร้างชั้นเสียงร้อง เพื่อให้ได้อารมณ์อันยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งโปรดิวเซอร์ Benjamin Rice ก็บอกว่าเสียงประสานที่หลากหลายนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เพลงนี้กลายเป็นตำนาน

จบไปแล้วนะครับ กับ 6 เอฟเฟกต์สุดเจ๋ง ที่จะช่วยอัพเกรดเสียงร้องของคุณให้ล้ำลึก ทรงพลัง และโดดเด่นกว่าใคร หวังว่าเทคนิคที่ผมนำมาแชร์นี้ จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนได้ลองเอาไปปรับใช้ สร้างสรรค์ผลงานดนตรีเพลงเพราะๆ ในแบบฉบับของตัวเองให้ปังสุดขีดกันนะครับ

อ้างอิง:
[1] https://www.izotope.com/en/learn/understanding-auto-tune-how-it-works-and-how-to-use-it.html
[2] https://www.sweetwater.com/insync/pitch-correction-software/
[3] https://www.uaudio.com/blog/saturation-basics/
[4] https://www.waves.com/how-to-use-a-de-esser-when-mixing-vocals
[5] https://www.soundonsound.com/techniques/double-tracking-vocals
[6] https://iconcollective.edu/vocal-harmonizer-plugins/