คุณสงสัยไหมว่าระดับความดังเสียงของ YouTube ทำงานกับเพลงของคุณอย่างไร? บางคนอาจจะพอเข้าใจวิธีการทำงานเบื้องต้นของมัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่คุณอัปโหลดไฟล์ของคุณไปแล้ว บางทีขั้นตอนการทำงานของมันก็ยังดูงงๆ คาดเดาไม่ได้ เพลงบางเพลงที่อัปโหลดไปก็ได้รับการตั้งค่าให้เป็นระดับค่ามาตรฐานทันที บางเพลงใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือบางเพลงก็ดูเหมือนจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงอะไรเลย วันนี้เราจะมาพูดถึงการทำงานของการตั้งค่าความดังระดับเสียงของ YouTube กันครับ . . . Volume / Normalized: 100% / 54% (ความดังของเนื้อหา 5.3 dB) ส่วนแรกคือการเพิ่ม-ลดระดับเสียงในหน้าต่างโปรแกรมเล่นของ YouTube จะเป็นการปรับเปลี่ยนระดับเสียงโดยการคลิกที่ไอคอน "ลำโพง" แล้วลากแถบเลื่อนขึ้นหรือลง . . ส่วนที่สองคือการปรับปค่ามาตรฐานของเสียงที่กำลังทำงานอยู่ มันคือระดับเสียงการเล่นของคลิปที่ถูกลดลงเพื่อป้องกันไม่ให้ลำโพง หรือหูฟังของ user เสียหายจากการเปลี่ยนแปลงระดับเสียงอย่างกะทันหัน ค่าจะปรับตามสัดส่วนโดยการตั้งค่าแถบระดับเสียง ตัวอย่างเช่น หากเปอร์เซ็นต์ของค่ามาตรฐานอยู่ที่ 60% เมื่อตัวแถบระดับเสียงอยู่ที่ 100% พอคุณลดค่ามาตรฐานลงเป็น 30% แถบระดับเสียงก็จะลดมาที่ 50% ด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณต้องการใช้สถิติเหล่านี้ในการเปรียบเทียบความดังของเพลง คุณควรตั้งค่าตัวแถบระดับเสียงให้เป็น 100% ก่อนเสมอ . . ส่วนสุดท้ายคือค่า“ความดังของเนื้อหา” มันจะบอกความแตกต่างระหว่างความดังโดยประมาณของ YouTube กับระดับความดังของ reference ค่านี้จะทำการแก้ไขความดังของแต่ละคลิปและจะไม่ส่งผลกระทบต่อแถบระดับเสียง ตัวอย่างเช่น ถ้าค่าความดังอยู่ที่ 6dB หมายความว่าวิดีโอของคุณดังกว่าระดับเสียง reference ของ YouTube ถึง 6dB มันจะปรับค่าความดังมาตรฐาน 50% (-6dB) เพื่อชดเชย หรือค่าระดับความดังอยู่ที่ -3dB หมายความว่าวิดีโอของคุณเบากว่าระดับเสียง reference ของ YouTube 3 dB มันจะไม่มีการปรับให้เป็นมาตรฐาน ดังนั้นเปอร์เซ็นต์การทำให้เป็นค่ามาตรฐานจะเป็น 100% ของค่าแถบระดับเสียงอยู่เสมอ YouTube จะไม่ลดเสียงของวิดีโอลง . . . แล้วยังไงต่อ? อย่างแรก “สถิติข้อมูลเชิงลึก”เหล่านี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบว่าวิดีโอของคุณได้รับการปรับให้เป็นค่าความดังมาตรฐานแล้วหรือยัง หากไม่มีค่า "ความดังของเนื้อหา" แสดงว่าวิดีโอยังไม่ได้รับการปรับให้เป็นค่าความดังมาตรฐาน - เพลงจะเล่นดังเท่าที่แถบระดับเสียงอนุญาต . . อย่างที่สอง หากมีค่า "ความดังของเนื้อหา" แสดงว่าวิดีโอของคุณกำลังถูกทำให้เป็นค่าความดังมาตรฐาน และคุณสามารถดูได้ว่าความดังอยู่ในระดับใดโดยการตั้งแถบระดับเสียงสูงสุดคือ 100% แล้วไปตรวจสอบระดับเปอร์เซ็นต์ของค่าความดังมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น ในภาพด้านบนเพลงของ Metallica ถูกลดลงเหลือเพียง 54% ของระดับเสียงต้นฉบับ (-5.3 dB) และ "Shake It Off" ของ Taylor Swift ก็ลดลง 4.6 dB ด้วยเช่นกัน และเพลงสุดท้ายเป็นเพลงแนว trance/techno ชื่อว่า “ Vi er GodsetGutta” ของ B Killax และเนื่องจาก YouTube วัดได้ว่ามันเบากว่าระดับความดังของ reference ที่ต้องการถึง 0.7 dB มันจึงทำให้เล่นดังได้เท่าที่แถบระดับเสียงจะอนุญาต . . อย่างที่สาม หมายความว่าถ้าคุณต้องการให้เพลงของคุณโดดเด่นจากเพลงอื่นๆ คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงค่า "ความดังของเนื้อหา" ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ - คุณต้องปรับความดังให้เหมาะสมไม่ใช่เพิ่มความดังของดับเสียงจนสุด . . . แล้วมันใช้ยังไง? เพียงแค่คุณอัปโหลดเพลงมันก็จะประมวลผลและตรวจสอบข้อมูลเองทันที จากนั้นก็คุณสามารถกลับไปปรับแต่งเสียง อัปโหลดใหม่ แล้วให้มันตรวจสอบข้อมูลใหม่อีกครั้งก็ได้ตามที่เราต้องการ . . . หวังว่าข้อมูลจากเราจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คน ขอบคุณครับ
