Share

การตั้งเสียงให้เพี้ยน

02/01/2022

  การจูนโน้ตของเครื่องดนตรีดิจิตอล โปรแกรม MIDI หรือ ออโต้จูนนั้น มีเทคนิคอยู่อย่างหนึงเพื่อให้ทำนองเพลงนั้นดูโดดเด่นและฟังกลมกลืนกัน คือการปรัปโน้ตจากแบบเดิมที่ใช้กันอยู่ซึ่งเป็นแบบ Equal temperament โดยการแบ่งโน้ตออกเป็น 100 Cent เท่ากันทั้งหมด ซึ่งถูกออกแบบเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของระบบตั้งเสียงที่ แบบเก่าที่ใช้กันมาก่อนปี คศ.1800 ถือว่าเป็นการกระจายความเพี้ยนจาก ความถี่โอเวอร์โทนในธรรมชาติเฉลี่ยเท่าๆกัน และทำให้สามารถเปลี่ยนคีย์ได้ทั้งหมด 12 คีย์โดยทุกคีย์ยังมีระยะห่างของขั้นเท่ากันใน 100 Cent ทำให้บางโน้ตนั้นไม่ตรงตามหลักการของ โอเวอร์โทนที่เกิดขึ้น จะสังเกตเห็นได้จากการเปรียบเทียบเสียงขั้นคู่ของเครื่องดนตรี อย่างเช่น เปียโนซึ่งตั้งเสียงแบบ Equal temperament กับ ทรัมเป็ต ซึ่งอาศัยเทคนิคของโอเวอร์โทนในการให้กำเหนิดเสียง     การตั้งเสียงแบบ Harmonic นั้นคือการใช้ความสามารถของระบบดิจิตอลในปัจจุบัน เพื่อปรัปแต่งเสียงโน้ตในสเกลที่จะนำมาทำเพลง ให้ตรงตามโอเวอร์โทน โดยการนับลำดับจากโน้ตหลักในสเกลนั้นๆ และปรัปจูนโน้ตอื่นๆให้ตรงตามโอเวอร์โทน ส่งผลให้มีขั้นคู่ ครึ่งเสียง แต่หละตำแหน่งไม่เหมือนกัน แต่จะได้ยินโน้ตหลัก(Tonic) กลมกลืนและมีพลังมากที่สุด เพราะโน้ตอื่นๆนั้นกลายเป็นโอเวอร์โทนของ โน้ตหลัก ยกตัวอย่างจากสเกล C major คอร์ดต่างจะมีสำเนียงเฉพาะ เช่น ขั้นคู่ห้า ของคอร์ด 3 minor จะไม่เท่ากับคู๋ห้าของ 6 minor    การนำเทคนิคการตั้งเสียงแบบนี้ไปใช้กับเครื่องดนตรีหลักหรือเสียงทำนอง/เสียงร้อง จะส่งผลให้ทำนองมีความกลมกลืนและโดดเด่นจากส่วนอื่นๆที่สร้างจากการตั้งเสียงปกติ บางคนอาจเรียกว่าเสียงเหน่อ แต่มีข้อควรระวังคือการใช้โน้ตที่มีการจูนเสียงให้เพี้ยนออกไป อาจอยู่ตำแหน่งดียวกับการตั้งเสียงแบบปกติ ทำไห้ได้ยินเป็นโน้ตเสียงกัดกันแทน ต้องมีการหลบโน้ตหรือย้ายโน้ตตัวที่สำคัญน้อยกว่า ไปไว้ที่ตำแหน่งอื่นๆแทน หากไม่ต้องการเสียงกัดเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในเพลง เทคนิคนี้ยังประยุกต์ใช้ได้กับเครื่องดนตรีที่เป่าแบบ overblow อื่นๆ หรือทำนองเพลงพื้นเมือง เช่น didgeridoo ,Jaw harp ซึ่งดนตรีเหล่านี้ใช้เสียงโอเวอร์โทนในการเล่นเป็นปกติอยู่แล้ว