เจาะลึกเทคนิคการมิกซ์เพลงของ Andy Wallace มือทองแห่งวงการเพลงร็อค ตอนที่ 1.
ถ้าคุณเคยฟังเพลงดังๆ อย่าง Nevermind ของ Nirvana, Rage Against the Machine,
Metallica, Vulgar Display of Power ของ Pantera และอื่นๆ อีกมากมาย
คุณคงสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เพลงเหล่านี้ดังได้ขนาดนี้ นอกจากศิลปินแล้ว
และการทำเพลงมาดีแล้ว อีกขั้นตอนการทำเพลงที่ขาดไม่ได้ในตอนเกือบท้ายสุด
ก็คือการมิกซ์เพลง และเทคนิคการมิกซ์เพลงของ Andy Wallace นั่นถือว่าเป็นที่ยอมรับอย่างมากในวงการระดับโลก
ว่าเขาคือ Andy Wallace ที่เป็นหนึ่งใน Sound Engineer ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
ผลงานของเขาได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์และแฟนเพลงมากมาย
ตัวอย่างผลงานเด่นๆ ของเขานั้นผมของยกตัวอย่างเพียงบางส่วนนะครับ
เพราะผลงานเขาเยอะมากๆ
- Nirvana – Nevermind (1991) อัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Nirvana และเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาล Wallace ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้เสียงของอัลบั้มนี้มีความหนักแน่นและทรงพลัง
- Rage Against the Machine – Rage Against the Machine (1992) อัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Rage Against the Machine Wallace ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้เสียงของอัลบั้มนี้มีความดุดันและหนักแน่น
- Soundgarden – Superunknown (1994) อัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Soundgarden Wallace ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้เสียงของอัลบั้มนี้มีความไพเราะและทรงพลัง
- Alice in Chains – Dirt (1992) อัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Alice in Chains Wallace ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้เสียงของอัลบั้มนี้มีความหนักแน่นและมืดมน
- Metallica – Black Album (1991) อัลบั้มนี้ถือเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Metallica Wallace ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้เสียงของอัลบั้มนี้มีความหนักแน่นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นอกจากผลงานเหล่านี้แล้ว Wallace ยังมีผลงานเด่นๆ อีกมากมาย เช่น อัลบั้ม “Blood Sugar Sex Magik” ของ Red Hot Chili Peppers, อัลบั้ม “Ænima” ของ Tool, และอัลบั้ม “Use Your Illusion I” และ “Use Your Illusion II” ของ Guns N’ Roses
Wallace ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวิศวกรเสียง หรือที่เราๆเรียกกันว่า Sound Engineer ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในโลก
เขามีความสามารถในการทำให้เสียงของวงดนตรีแต่ละวงมีความโดดเด่นและเป็นที่จดจำ
ที่นี้เราจะมาเจาะลึกเทคนิคการมิกซ์เพลงของ Andy Wallace กันครับ
เทคนิคของเขานั้นค่อนข้างเรียบง่ายแต่ๆๆๆๆๆมีประสิทธิภาพสูง
ขั้นตอนในการมิกซ์เพลงของ Andy Wallace:
- เริ่มต้นด้วยการฟังเพลง Reference:
Andy Wallace มักจะเริ่มต้นโดยจะตรวจสอบองค์ประกอบต่างๆของเครื่องดนตรีทุกชิ้นก่อน เพื่อทำความเข้าใจในการทำการ Balance เพลง เขาจะเริ่มฟัง Reference Mix เพื่อทำความเข้าใจตัวเพลงก่อน และค่อยๆ Tune ปรับแต่งในเบื้องต้นก่อน ให้เห็นภาพรวม และเพื่อหาจุดที่วงเล่นได้เต็มที่ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการฟัง เพื่อใช้สิ่งนี้เพื่อกำหนดส่วนที่ดังที่สุดของ Mix ในการหาจุดที่เป็นความดังสูงสุดของเพลง เพื่อที่จะไม่เริ่มต้นด้วยสิ่งที่เงียบ แล้วพบในภายหลังว่าต้องดังขึ้นอีกมาก และอาจทำให้ Gain ความดังการ Mix นั้นเสียหาย
2.จัดเรียง Track:
Andy Wallace จะจัดเรียง Track บนบอร์ด SSL K seriss 9,000 ของเขาจัดเรียง Track จากซ้ายไปขวา
เรียงลำดับจากกลอง เบส กีตาร์ และคีย์บอร์ด โดยให้ความสำคัญกับเสียงร้องมากที่สุด
เค้าจะเอาไว้ ตรงกลาง บอร์ดเพื่อที่จะง่ายต่อการ Mix
3.ใช้ Gate กับเสียงสแนร์:
Andy Wallace มักจะใช้ Gate กับเสียงสแนร์เล็กน้อย ไม่ใส่มากเกินไปเพื่อให้เสียงยังคงมีความเป็นธรรมชาติ
4.ใช้ Reverb:
Andy Wallace มักจะใช้ Reverb เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับเพลง โดยเขาจะส่งสัญญาณเสียง Delay ไปยัง Effect Send ต่างๆ ดังนี้
- Effect Send 1: ใช้ดีเลย์ร่วมกับ Reverb Lexicon 960
- Effect Send 2: ใช้ดีเลย์ร่วมกับ Short Reverb
- Effect Send 3: ใช้ดีเลย์ร่วมกับ Medium Reverb
- Effect Send 4: ใช้ดีเลย์ร่วมกับ Long Reverb
Concept ในการใช้เอฟเฟคของAndy Wallace จะเป็นเหมือนการสร้างเฉดสีให้กับ Background ของเพลง
แล้วก็จะกระจายเอฟเฟคไปรอบๆ เพื่อสร้าง Color ให้กับมิติสตูดิโอให้มากขึ้นอีกหน่อย
แล้วเค้าก็ยังมีเอฟเฟคอีกตัวที่เขามาช่วยก็คือ Roland Dimension ssd 320 เพื่อช่วยเพิ่ม มิติให้ห่อหุ้มอยู่รอบๆเพลง
5.จัดGroup Track:
Andy Wallace จะจัดกลุ่ม Track ต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อที่จะง่ายต่อการจัดการ
Group 1.จะเป็น Kick Drum
Group 2 จะเป็น สแนร์ กรุ๊ป
Group 3 จะเป็น กลองที่เหลือทั้งหมด รวมทั้ง Percussion
Group 4 กรุ๊ปเบส
Group 5 และ 6 จะใช้สำหรับกีต้าร์คีย์บอร์ดเครื่องสาย อย่างไลน์เครื่องดนตรีบางไลน์ ที่เป็นท่อนแยกโดยเฉพาะ อย่างเช่นเครื่องสาย หรือว่า Guitar Solo เขามักจะแยกเอาไว้ที่ Group 6
Group 7 เขาจะเอาไว้สำหรับกลุ่มเสียงร้องทั้งหมด
Group 8 จะเป็นมาสเตอร์กรุ๊ป ซึ่งเอาไว้สำหรับ Control ทั้งหมด มันจะทำให้ง่ายต่อการคอนโทรล คอมเพรสเซอร์ฺ buss แทนที่เราจะต้องไปปรับที่ Compressor เราก็มาปรับที่Fader Master Bus ของ Group 8 นี่เลยเพื่อจะจัดการเรื่องสัญญาณความดัง
6.Studio bus
Studio bus ของ Andy Wallace เขามักจะใส่ Stereo Compressor เป็น Alan Smart C2
โดยตั้งRatio ที่ 4 ต่อ 1 Attack 1 ms ตั้ง Release เป็น Auto
เพื่อนๆอ่านมาถึงตรงนี้เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะได้เทคนิคไปใช้กันบ้างมั๊ย
เดี๋ยวๆยังไม่จบนะครับ เดี๋ยวเราจะมีต่อในตอนที่ 2
สิ่งที่ Andy Wallace บอกเสมอคือ
“การมิกซ์เพลงไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว สิ่งสำคัญคือต้องหาแนวทางที่เหมาะกับเพลงและศิลปิน” – Andy Wallace
หากเพื่อนๆ สนใจเทคนิคการมิกซ์เพลงของ Andy Wallace เพิ่มเติม
สามารถเข้าไปชมวิดีโอสอนการมิกซ์เพลงของเขาได้ที่ช่อง YouTube ของเขาได้นะครับ
#andywallace #mixing #musicproduction #สอนมิกซ์เพลง #มิกซ์เพลง
-อัพสกิลสู่อาชีพ Sound Engineer คลาสไพรเวทเทรนนิ่งตัวต่อตัว
หลักสูตร Professional Mix & Master Secrets Private Class 1:1
_______________________________
เปิดโอกาสสู่การเป็น Sound Engineer มืออาชีพ ใน 7 วัน!
#สร้างผลงานมิกซ์เสียงของคุณไปพร้อมกับมืออาชีพ
เรียนจาก ‘คนจริง’ ในวงการ: ทำผลงานมาแล้วกว่า 300 เพลง!

