การเปลี่ยนรูปของ Circle of fifthวงจรคู่ 5 เชื่อว่าหลายๆคนคงได้ยินคำนี้มานับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นการนับเครื่องหมาย ชาร์ป แฟล็ต การนับขั้นคู่ การหาคีย์ของดีเจหรือการสร้างทางเดินคอร์ด ซึ่งนับว่าการใช้วงจรคู่5นี้เป็น ใตความหลักของดนตรีตะวันตกมามากกว่าพันปีด้วยกัน หลายคนอาจจะคิดว่ามันมีไว้เพื่อประโยชน์ในการเรียนทฤษฏีดนตรีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากยังเข้าใจไม่มากพอทั้งที่จริงมีประโยชน์มาก วันนี้แอดมินเลยจะขอหยิบยกอีกประเด็นหนึงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวงจรคู่ห้า ในการเปลี่ยนคีย์และสร้าง ทำนองขึ้นมา จากภาพคือการแสดงสัมพันธ์ของวงจรคู่ห้าทั้งแบบนับตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็นนาฬิกา( คู่ 4 ) แสดงบนแผนภาพวงกลมซ้อนกัน เพื่อให้เห็นความเกี่ยวข้องของโน้ตต่างสเกลที่เกี่ยวข้องกันโดยใช้แผนภาพของแวนน์-ออยเลอร์ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ หากเลือกโน้ตเฉพาะวงกลมสีน้ำเงินนั้น คือจุดศูนย์กลางของคีย์หลัก อันประกอบไปด้วย โน้ตทั้ง 7 จากเมเจอร์สเกล ในรูปปกติ แต่หากลองเลือกวงกลมสีเหลือง ที่อยู่ภายในอีกที ก็จะได้ สเกลเพนทาโทนิกของ คอร์ดสี่ มมายความว่า ใน เมเจอร์นั้น มีเพนทาโทนิคจากคีย์คู่ 4 ซ่อนอยู่แต่หากลองเลือกวงกลมสีแดง ก็จะได้เพนทาโทนิคสเกลจากคอร์ด 5 เช่นกัน เมื่อขยับไปใช้วงกลมสีแดงแล้ว หากเพิ่มโน้ต #4 ไปก็จะได้สเกลใหม่ที่อยู่ห่างออกไปแต่มีโน้ตร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นแผนภาพนี้คือการสรุปความสัมพันธ์พื้นฐานในรูปแบบของการใช้เพนทาโทนิก เป็นตัวเชื่อมระหว่างคียถัดไปทั้งแบบคู่ 5 และ คู่ 4 ในการเพิ่มความสามารถของทำนองและการเขียนคอร์ดที่มีทางเลือกเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดีครับ
