Share

อะไรคือ Free Jazz มาทำความรู้จักมันไปด้วยกัน

21/05/2024

Free Jazz นั้นเกิดขึ้นมาจากหลักการพื้นฐาน หลักการที่นักดนตรีส่วนใหญ่ (และจริงๆ แล้วก็ศิลปินส่วนใหญ่เหมือนกัน) คุ้นเคยดี: เรียนรู้กฎเกณฑ์ – แล้วค่อยหักกฎนั้นทิ้ง เหมือนกับช่วง avant-garde ในฝั่งของทัศนะศิลป์ Free Jazz ก็เป็นความพยายามที่จะแตกออกจากธรรมเนียมปฏิบัติของจาซ และสร้างสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่ เมื่อนักดนตรีจาซมีความคุ้นเคยกับการแจมส์ (improvisation) มากขึ้น จึงเกิดมีเสียงแนวใหม่ขึ้นมา เช่น การทดลองทางดนตรี, ความนอกกรอบ, และการกบฏทางดนตรี

อะไรคือ Free Jazz?

กระแส Free Jazz พัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เป็นการปฏิเสธโครงสร้างทางดนตรีแบบเดิม เช่น melody harmony และ chord progressions เพราะเด่นเรื่อง experimentation เป็นหลัก Free Jazz จึงยากในการนิยาม โดยส่วนมากจะถูกแสดงโดยคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ ที่ใช้วิธีแจมส์ร่วมกัน แต่ก็มีบางวงเป็นวง Free Jazz ด้วย

นักดนตรี Free Jazz จะปล่อยตัวเองให้ “ไหลไปตามธรรมชาติแบบเพียวๆ” – กล่าวคือ กลับไปสู่รูปแบบ Free Jazz ที่ดิบๆและอิสระมากขึ้น โดยบูชารากเหง้าของจาซที่มาจากศาสนา Free

Jazz ยังได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีประเภทอื่นๆ ทั้งร่วมสมัยและดนตรีทั่วโลก นักดนตรี Free Jazz มักจะทดลองกับเครื่องดนตรีผิดแปลกจากวัฒนธรรมอื่นๆ หรือบางครั้งก็คิดค้นวิธีเล่นของตัวเองขึ้นมา ตัวอย่างเช่น จอห์น โคลเทรน (John Coltrane) นักแซ็กโซโฟนและนักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่ของอเมริกา และบุกเบิกกระแส Free Jazz บางครั้งก็ใช้ Flute ในการแสดงสดของเขา

ประวัติของ Free Jazz

รากเหง้าของ Free Jazz สามารถสืบย้อนกลับไปที่ผับจาซ Five Spot ในย่าน Bowery ของนิวยอร์ก ตามเรื่องเล่าสืบต่อกันมา นักแซ็กโซโฟนชื่อ Ornette Coleman เดินเข้าไปในผับแห่งนี้เมื่อปี 1959 และเริ่มเล่น Free Jazz แบบไร้รูปแบบด้วยแซ็กโซโฟนพลาสติกของเขา Coleman เรียกสไตล์ใหม่ของเขาว่า “Free Jazz” และได้ออกอัลบั้ม Free Jazz (1960) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแนวนี้

เช่นเดียวกับ แนว avant-garde Free Jazz ถูกมองข้ามไปในช่วงแรกๆ ดาวรุ่งที่มีอิทธิพลในตอนนั้นได้แตกแขนงแนวดนตรีใหม่นี้: ไมลส์ เดวิสและนักทรัมเป็ตชื่อดัง รอย เอลดริดจ์ รักษาระยะห่างออกมา ขณะที่นักประพันธ์และนักดนตรีชาวอเมริกัน เลโอนาร์ด เบิร์นสไตน์ คิดว่า Coleman เป็นคนที่มีพรสวรรค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อความเป็นกบฏในช่วงทศวรรษ 1960 เข้ามาครอบงำ ความคิดเห็นก็เปลี่ยนแปลงไป

นักสแซ็กโซโฟนอย่าง จอห์น โคลเทรน และ เอริค ดอลฟี่ เป็นคนแรกๆ ที่ตามรอย Coleman มานักเปียโนอย่าง ซีซิล เทย์เลอร์ และ แอลเบิร์ต ไอเลอร์ ซึ่งสไตล์ Free Jazz ของพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ก็มาร่วมด้วยไม่นาน

ไม่นานนักผู้คนก็หันมาจับกลุ่มเป็นวง Free Jazz ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแนวดนตรีนี้ นักเปียโนและนักประพันธ์ ซัน รา เป็นผู้นำเทรนด์วง big band แนว Free Jazz ในสไตล์ที่เฉพาะตัวของเขา ขณะที่วงดังๆ อย่าง Art Ensemble of Chicago ประสบความสำเร็จมากกว่าในยุโรป ที่ Free Jazz ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่เป็นเพราะนักดนตรีชาวเยอรมันและอังกฤษ อย่างนักแซ็กโซโฟนอย่าง Evan Parker

ลักษณะทั่วไปของ Free Jazz

แตกต่างจากรูปแบบจาซอื่นๆ ที่มีโครงสร้างเป็นกรอบ เช่น 12 บาร์บลูส์ กุญแจสำคัญของ Free Jazz คือการแจมส์ (improvisation) อย่างไรก็ตาม ยังมีลักษณะบางประการที่กลายเป็นตัวกำหนดสไตล์นี้ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

• การใช้เครื่องดนตรีต่างๆ เครื่องดนตรีที่พบเห็นบ่อยในจาซ ได้แก่ เปียโน สแกสโซโฟน เบส และกลอง นักดนตรี Free Jazz เริ่มทดลองกับเครื่องดนตรีอย่างไวโอลิน คลารีเนต ผอบ และเครื่องเคาะจังหวะอื่นๆ เครื่องดนตรีผิดแปลกที่ถูกนำมาใช้ใน Free Jazz รวมถึงฮาร์ป อูกูเลเล่ และแม้กระทั่งแน่นพิป

• Cycle ของคอร์ด Diatonic บางครั้ง นักดนตรี Free Jazz ใช้วงจรของคอร์ด Diatonic—คอร์ดที่ได้มาจากโน้ตของคีย์ดนตรี ดังนั้นจึงสามารถสังเกตเห็นในจาซยุคแรกๆ ในFree Jazz แต่นักดนตรี Free Jazz ที่เก่งจะมีทักษะเหล่านี้ก็กลับลำดับให้ผิดเพี้ยน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แท้จริง

• การแสดงออกซึ่งอารมณ์ เช่นเดียวกับรูปแบบจาซอื่นๆ Free Jazz ให้ความสำคัญกับการแสดงออกทางอารมณ์มากกว่าการถ่ายทอดโครงสร้างทางคอร์ดที่ซับซ้อน ตามมุมมองของ เฮอร์บี แฮนค็อค นักดนตรีจาซผู้ได้รับรางวัลออสการ์และแกรมมี่ นักเปียโน และนักประพันธ์เพลง ที่เชื่อว่ามันเป็นการกระทำที่เรียบง่ายแต่ยากที่จะสื่อสารประสบการณ์ของมนุษย์ให้ผู้อื่นรับรู้

• จังหวะที่ลื่นไหล การแจมส์เหนือวลีที่ลื่นไหลอาจเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ก็สามารถปลดปล่อยแรงบันดาลใจที่น่าประหลาดใจได้ การเลื่อนจังหวะหมายถึงการเปลี่ยนวลีทางดนตรีให้ land เข้าก่อนหรือหลังจากจุดที่คุ้นหู ทำให้ผลงานเพลงเกิดช่วงที่คาดไม่ถึงและ

น่าสนใจสำหรับการฟังและการเล่น

• การเล่นโซโล่ สำหรับนักดนตรี Free Jazz หลายคน การเล่นคนเดียวช่วยให้มีอิสระที่หาไม่ได้เมื่อเล่นเป็นกลุ่ม ผู้เล่นคนเดียวไม่จำเป็นต้องยึดติดกับจังหวะหรือคีย์ดนตรีใดๆ พวกเขาสามารถเปลี่ยนรูปแบบของเพลงได้ตามใจชอบ ทำซ้ำส่วนที่ไม่ควรทำซ้ำ หรือตัดทิ้งส่วนหนึ่งส่วนใดก็ได้

5 ศิลปินชื่อดัง Free Jazz

1.ออร์เนตต์ โคลแมน (Ornette Coleman) โคลแมนเริ่มเล่นแซ็กโซโฟนอัลโตและเทเนอร์ตั้งแต่วัยรุ่นในลอสแองเจลิสช่วงทศวรรษ 1950 และไม่นานก็เล่นอยู่ในวงดนตรีสำหรับการเต้นรำและวง R&B ในเวลากลางวัน เขาศึกเรื่อง Harmony ขณะทำงานเป็นพนักงานกดลิฟต์ ส่วนกลางคืนจะไปที่ผับจาซใต้ดิน เล่นแซ็กโซโฟนอัลโตพลาสติกราคาถูก เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้พัฒนา “ทฤษฎี Harmolodic” ของการแจมส์: ละทิ้งรูปแบบทางเดินคอร์ดและแพทเทิร์นคอร์ด เพื่อสไตล์แบบการแจมส์ที่มุ่งเน้นไปที่ทำนองของเพลงโดยตรงมากกว่า

2.จอห์น โคลเทรน (John Coltrane) โคลเทรนได้รับการฝึกฝนคลารีเนตและแซ็กโซโฟนอัลโต ในช่วงแรกของอาชีพ เขาเป็นที่รู้จักจากการแจมส์โซโล่ที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีแอฟริกันและอินเดีย โคลเทรนเปลี่ยนผ่านไปสู่ Free Jazz อย่างเต็มรูปแบบระหว่างปี 1965 จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1967 โดยฝึกแจมส์แบบอิสระบน prearranged scale แม้ว่าการโลดแล่นในโลก Free Jazz ของเขาจะทำให้นักวิจารณ์เสียงแตก แต่ส่วนใหญ่ยกย่องว่าช่วงนี้เป็นหนึ่งในช่วงสำคัญที่สุดของอาชีพเขา

3. เซซิล เทย์เลอร์ Cecil Taylor) หนึ่งในนักเปียโน Free Jazz ชั้นนำ เทย์เลอร์ได้รับอิทธิพลจากนักเปียโนจาซรุ่นพี่ เช่น ดยุก เอลลิงตัน, เทโลเนียส มังค์ และ โฮเรซ ซิลเวอร์ เขาเป็นศิลปินที่กล้าลุย เทย์เลอร์เป็นผู้นำวงจาซของตัวเองในอเมริกาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1950 แต่เขามักถูกเหยียดจากสไตล์แบบฟรีฟอร์มของเขา เช่นเดียวกับนักดนตรี Free Jazz คนอื่นๆ เทย์เลอร์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในยุโรป ที่ซึ่งเขาได้ร่วมงานกับนักแจมส์ที่มีแนวคิดคล้ายๆ กัน อย่าง อีแวน ปาร์กเกอร์ และ ฮาน เบนนิงค์


4. อีริก ดอลฟี่ Eric Dolphy) ผู้มีอิทธิพลสำคัญต่อ Free Jazz ดอลฟี่มักแจมส์กับเครื่องเป่าลมไม้ เขาเริ่มต้นด้วยการเล่นคลารีเนต โอโบ และแซ็กโซโฟนอัลโตในลอสแองเจลิส ก่อนจะเข้าร่วมวงใหญ่ของ รอย พอร์เตอร์ ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 หลังจากย้ายไปนิวยอร์กในช่วงทศวรรษ 1960 ดอลฟี่ได้ร่วมงานกับบรรดาสตาร์อย่าง ชาลส์ มิงกุสและจอห์น โคลเทรน เขาได้รับการยกย่องจากการนำ Flute และคลารีเนตเบส มาใช้ในการแจมส์ Free Jazz ช่วยให้ศิลปินคนอื่นๆ ค้นพบวิธีการแสดงดนตรีแบบใหม่


5.อัลเบิร์ต เอลเลอร์ Albert Ayler) นักแซ็กโซโฟนเทเนอร์ผู้นี้ เริ่มต้นเล่นกับพ่อในโบสถ์ ก่อนจะเดินทางไปเล่นกับวง R&B ในช่วงวัยรุ่น หลังจากผ่านช่วงเล่นแซ็กโซโฟนเทเนอร์กับวงดนตรีกองทัพบกสหรัฐ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มแยกตัวออกจากวิธีเล่นแบบเดิมไปทีละน้อย เขาตัดขาดจากทางคอร์ดมาตรฐาน และเริ่มทดลองกับ Free Jazz มากขึ้นเรื่อยๆ


แหล่งอ้างอิง
1.หนังสือ “Free Jazz/Black Power” โดย Philippe Carles และ Jean-Louis Comolli (1971) เป็นหนังสือที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี Free Jazz กับขบวนการ Black Power ในสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับพัฒนาการของ Free Jazz ที่ดี

2.บทความ “A Brief History of Free Jazz” โดย Daniel Spicer บน Jazzwise Magazine
(www.jazzwisemagazine.com/features/a-brief-history-of-free-jazz)
ให้ภาพรวมที่กระชับเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ Free Jazz ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน

3.หนังสือ “As Serious As Your Life: Black Music and the Free Jazz Revolution, 1957–1977” โดย Valerie Wilmer (2018) เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของศิลปิน Free Jazz อเมริกันชาวแอฟริกันจากการสัมภาษณ์กว่า 50 คน ที่มีส่วนสำคัญต่อการปฏิวัติดนตรีแจ๊สช่วงปี 1957-1977

4.เว็บไซต์ AllMusic (www.allmusic.com) เป็นฐานข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับศิลปินและผลงานดนตรีแนวต่างๆ รวมถึงแนว Free Jazz ด้วย สามารถใช้ค้นหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับศิลปินและอัลบั้มสำคัญๆ ในยุค Free Jazz ได้