Share

“เผยสูตรลับ 10 เทคนิค Mix กลอง ให้พุ่งทะลุ เหมือนโปรระดับโลก!”

09/05/2024

สวัสดีครับ เพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาแชร์ 10 เคล็ดลับในการ Mix เสียงกลอง ที่โปรดิวเซอร์ระดับโลกใช้กัน รับรองว่าถ้าเอาไปใช้ เสียงกลองในเพลงของคุณจะต้องมีมิติ ชัดเจน มีพลัง และฟังดูมืออาชีพขึ้นแน่นอนครับ งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง

1.เลือกไมค์ให้เหมาะกับงาน

การเลือกไมค์ให้เหมาะกับเสียงที่เราต้องการ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการได้เสียงกลองคุณภาพดี และช่วยให้ Mix ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

สำหรับกลองKick นิยมใช้ไมค์ไดนามิก เช่น AKG D112, Shure Beta52, EV RE20, Audix D6

AKG D112
Shure Beta52

กลองSnare นิยมใช้ไมค์คอนเดนเซอร์ เช่น Shure SM57, Audix i5, Neumann KM184, AKG C451

Shure SM57
Audix i5

กลองTom ใช้ไมค์ไดนามิกหรือคอนเดนเซอร์ก็ได้ เช่น Sennheiser MD421, Sennheiser e604, AKG C414, Audio Technica ATM23HE

Sennheiser MD421
Sennheiser e604

Overhead นิยมใช้คอนเดนเซอร์ เช่น Neumann KM184, AKG C414, Shure KSM32, Oktava MK012

Neumann KM184
AKG C414

ยกตัวอย่างเช่น Matt Wallace โปรดิวเซอร์มากฝีมือ ที่อยู่เบื้องหลังอัลบั้มสุดฮิตของ Maroon 5, Train, Faith No More เลือกใช้ไมค์ Shure SM7B สำหรับอัดกลองในเพลง “She Will Be Loved” ของ Maroon 5 เพราะอยากได้เสียงKickที่หนา มีพลัง แต่ไม่ดุดันเกินไป

2.ใช้ High-pass Filter กำจัดความถี่ต่ำที่ไม่ต้องการ

เวลาอัดกลองชุด เราอาจจะอัดเจอเสียงความถี่ต่ำที่ไม่ได้ตั้งใจติดมาด้วย ทำให้เสียงฟังดูขุ่นมัว ดังนั้นอย่าลืมใช้ HPF ตัดความถี่ต่ำที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น กลองสแนร์ลองตัดที่ 80-100Hz กลองทอม 40-80Hz แล้วเสียงจะสะอาดขึ้น แถมได้เปิดพื้นที่ให้เครื่องดนตรีตัวอื่นๆ ได้โดดเด่นในย่านความถี่นั้นด้วย

แต่ก็ต้องระวัง อย่าตัดความถี่ซ้ำซ้อนกันเยอะเกินไป เดี๋ยวอาจเกิด Phase Cancellation เสียงแปลกๆ ได้ อีกวิธีที่ช่วยลด Phase Cancellation ได้คือใช้ Low Shelf EQ แทน HPF โดยการลดเสียงความถี่ต่ำลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนการตัดขาดทันที ตามคำแนะนำของ Chris Lord-Alge โปรดิวเซอร์ร็อคชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังอัลบั้มให้ Muse, Green Day, Daughtry เป็นต้น

3.ใช้ Compression อย่างระมัดระวัง

Compression จะช่วยCompressเสียงกลองให้ดังสม่ำเสมอ แต่ถ้าใช้เยอะเกินไป เสียงอาจจะแบนและอืดอัด โปรดิวเซอร์ Randy Staub ที่มิกซ์อัลบั้มให้ Metallica, Nickelback, Bon Jovi แนะนำว่า ควรใช้ Ratio ต่ำๆ เช่น 2:1 หรือ 4:1 ปรับ Attack ให้เร็วพอจับ Transient ของกลองได้ทัน ค่อยๆ ปรับ Threshold จนเสียงเริ่มเนียนขึ้น และอย่าลืม Make up Gain เพื่อเพิ่มเสียงที่หายไป จะได้เสียงกลองที่มีพลัง แน่น แต่ยังคงมีไดนามิกที่ดี

4.อัดไมค์ Room เพิ่มมิติ

อีกเทคนิคนึงคืออัดเสียงห้องด้วยไมค์ตั้งห่างออกไปประมาณ 2-3 เมตร เพื่อจับบรรยากาศและเสียงสะท้อนธรรมชาติ เวลาเอามาผสมร่วมกับไมค์ตัวอื่นๆ จะได้เสียงที่ใหญ่ มีความลึก
ไมค์ที่เหมาะกับการอัด Room เช่น ไมค์ Ribbon อย่าง Coles 4038, Royer R121 หรือจะเป็นคอนเดนเซอร์ เช่น Neumann U87, AKG C414 ก็ใช้ได้ดี แนวเพลงที่นิยมใช้เทคนิคนี้ เช่น Pop, Indy, Alternative Rock อย่างในเพลง “Use Somebody” ของ Kings of Leon ที่อัด Room ด้วยไมค์ Royer R121 เพื่อเพิ่มความใหญ่ ได้ฟีลสด

5.แยกปรับ EQ แต่ละชิ้น

การปรับ EQ แยกแต่ละชิ้นของกลอง จะช่วยขับเสียงเด่นให้มี Character ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น Kick ลองตัด 400Hz เพื่อลดเสียงขุ่น บูสต์ 2-4kHz ให้ Attack ชัดเจน และเพิ่มหางเสียงที่ 60-100Hz หน่อย ส่วนสแนร์ ตัด 800Hz-1kHz เพื่อความชัด แต่อย่าตัดจนเสียงบาง บูสต์ 5-8kHz เพิ่มไฮแอทนิดหน่อย จะได้เสียงที่สดใส มีพลัง
Ed Cherney วิศวกรมิกซ์ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตของ Rolling Stones, Eric Clapton, Bonnie Raitt แนะนำว่าให้ปรับ EQ กลองทีละชิ้นอย่างพิถีพิถัน สังเกตย่านความถี่สำคัญของแต่ละใบ ค่อยๆ ขับเสียงเด่นออกมา โดยอย่าปรับจนเสียงผิดเพี้ยนไป

6.ใส่ Reverb แต่พอดี

Reverb จะช่วยสร้างมิติ ให้เสียงดูมีความลึก แต่ต้องใส่แต่พอดี สำหรับสแนร์ ลองใช้ Reverb หางสั้นๆ ที่ 0.2-0.5 วินาที แล้วตัด HPF ช่วง 250-400Hz ค่อยๆ ปรับจนเสียงเป็นธรรมชาติ ไม่ขุ่นมัว ส่วน Overhead ใช้เวลาสะท้อนที่นานขึ้น ประมาณ 1-1.5 วินาที จะได้เสียงพลังกว้าง เหมือนกลองดังอยู่ในห้องคอนเสิร์ตเลย

Reverb ที่นิยมใช้กับกลอง ได้แก่

Plate Reverb ให้เสียงที่บาง เบา ใช้กับสแนร์ได้ดี เช่น ปลั๊กอิน UAD EMT140

ปลั๊กอิน UAD EMT140

Room Reverb ให้เสียงสะท้อนแบบห้อง ได้มิติสมจริง เช่น Waves RVerb, Audio Ease Altiverb

Waves RVerb

Hall Reverb เป็นเสียงห้องขนาดใหญ่ ให้ Overhead, ทอม หรือกลองชุดรวม เช่น LexiconPCM Native Reverb

LexiconPCM Native Reverb

ในเพลง “Uptown Funk” ของ Mark Ronson และ Bruno Mars นั้น Reverb จะถูกใส่กับสแนร์ ทอม และ Overhead อย่างประณีต ได้เสียงที่กว้างและมีมิติ เหมาะกับแนวดนตรีแดนซ์สุดๆ

7.ปรับ Attack ด้วย Transient Designer

หากอยากให้เสียงกลองมีความคมชัด หรือนุ่มนวลขึ้น ลองปรับด้วย Transient Designer ดู เป็นเอฟเฟกต์ที่เน้นปรับ transient หรือ attack ของเสียงโดยเฉพาะ ค่อยๆ ปรับ Attack ขึ้นลงจนได้เสียงตามต้องการ
มักจะใช้กับกลองสแนร์ ทอม เพื่อเพิ่มความกระชับ ฟังดูเฉียบขึ้น ส่วน Sustain ช่วยเพิ่มความยาวของเสียง ปรับเสียงให้ทึบนุ่มขึ้นได้
ปลั๊กอินที่นิยมใช้ เช่น SPL Transient Designer, Sonnox Oxford Envolution, Waves TransX ซึ่งตัวนี้ Andrew Scheps มือมิกซ์ที่ร่วมงานกับ Adele, Metallica, Green Day ใช้เป็นประจำ

8.Mixร่วมกับ Sample

บางครั้งการใช้ Sample กลองเสริมเข้าไป จะช่วยเติมเต็มและปรับให้เสียงสมบูรณ์แบบขึ้นได้ ลองเลือก Sample คุณภาพดีมาผสม ปรับ Phase ให้ตรงกันกับกลองจริง ค่อยๆ หาสัดส่วนที่ลงตัว ไม่แย่งซีนกัน
ส่วน Trigger หรือ Drum Replacement คือเทคนิคที่ใช้ Transient ของกลองจริงมากระตุ้นให้ Sample ดังขึ้นแทน จะได้ทั้งโทนเสียงจากกลองจริง และซาวด์ที่หนักแน่นจาก Sample
แหล่งดาวน์โหลด Drum Sample ยอดนิยมได้แก่ GetGood Drums, Addictive Drums 2, Slate Drums, That Sound อัลบั้ม American Idiot ของ Green Day ก็ใช้เทคนิค Drum Replacement นี้ด้วย

9.ใช้ Bus Processing สร้างความเป็นหนึ่งเดียว

Bus Processing หมายถึงการส่งสัญญาณจากกลองแต่ละตัวไปยังบัสรวม แล้วปรับแต่ง EQ และ Compression อีกชั้นนึง ซึ่งจะทำให้เสียงดูกลมกลืน เป็นเนื้อเดียวกัน สมจริงเหมือนอัดมาชุดเดียว
โดยอาจแยกเป็นBus Kickและ Bus Snare กับTom แล้วค่อยๆ ปรับให้เข้ากับสไตล์ดนตรี เพื่อความลงตัวที่สุด
ตัวอย่างเช่น Chris Lord-Alge ใช้เทคนิคนี้อยู่เสมอ โดยจะแยกเป็นBus Kick, Bus Snare, Bus Toms และBus Overheads แล้วใส่ EQ และ Compression กลุ่มละชุด ปรับจูนจนเสียงเข้ากันดี เช่นในอัลบั้ม Meteora ของ Linkin Park ก็ใช้เทคนิค Drum Bus Processing แบบนี้
หรือในเพลง “Sugar” ของ Maroon 5 ก็มีการส่งเสียงกลองทั้งหมดไปรวมกันที่ Drum Bus แล้วใส่ Compression ทับอีกชั้น ทำให้เสียงกลองทั้งชุดดูเป็นเนื้อเดียวกัน มีพลังขึ้นมาก

10.เปรียบเทียบกับเพลงอื่นๆ

เทคนิคสุดท้าย ให้ลองเปิดเพลงดังที่มีเสียงกลองถูกใจ นำมาเป็นจุด Reference ข้างๆ จะช่วยให้ปรับ Mix ได้ง่ายขึ้น ทำให้รู้ทิศทางว่าควรไปในแนวไหน สังเกตรายละเอียดต่างๆ เช่น

  • ระดับเสียงของกลองแต่ละใบเทียบกัน
  • ความถี่ที่โดดเด่นของกลองชิ้นต่างๆ
  • ปริมาณเสียงReverb
  • ตำแหน่งของกลองในมิกซ์ ฯลฯ

แล้วค่อยๆ ปรับเสียงของเรา ทำ A/B ฟังสลับไปมา จนใกล้เคียงหรือพอใจในผลลัพธ์ Sound Engineer ชื่อดังอย่าง Chris Lord-Alge, Andrew Scheps, Manny Marroquin ล้วนใช้เทคนิคนี้ในการทำงานเป็นประจำ
ในเพลง “In the End” ของ Linkin Park จะใช้กลองที่มีซาวด์แน่นหนา แต่ยังคงความชัดเจนของอนุภาคเสียง โดย Brad Delson มือกีต้าร์ได้แนะนำโปรดิวเซอร์ Don Gilmore และมิกซ์เอนจิเนียร์ Andy Wallace ให้ฟังเพลง “We Will Rock You” ของ Queen เป็นตัวอย่าง ประกอบการทำงาน
หวังว่าเทคนิคทั้ง 10 ข้อนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ โปรดิวเซอร์ทุกคนนะครับ ถ้ามีข้อสงสัยหรืออยากเสนอแนะอะไรเพิ่มเติม คอมเมนต์กันมาได้เลย
สามารถปรับใช้เทคนิคเหล่านี้ให้เข้ากับงานของตัวเองได้เลย เพื่อยกระดับเสียงกลองให้ดูโปรขึ้นได้อย่างแน่นอน ลองนำไปทดลองกันดู แล้วมาแชร์ผลลัพธ์ให้ฟังกันบ้างนะครับ

ฝากติดตามด้วยนะครับ สัญญาว่าจะมีบทความดีๆ มาแบ่งปันอีกเรื่อยๆ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

แหล่งอ้างอิง:

[1] https://www.sweetwater.com/insync/best-drum-mics/
[2] https://www.guitarworld.com/features/matt-wallace-recording-maroon-5-faith-no-more
[3] https://www.izotope.com/en/learn/7-tips-for-mixing-drums-with-eq.html
[4] https://www.waves.com/mixing-drums-chris-lord-alge
[5] https://www.musicradar.com/news/drums/how-to-compress-drums-533096
[6] https://www.uaudio.com/blog/5-tips-recording-drum-room-mics/
[7] https://producelikeapro.com/blog/mixing-drums-eq-compression/#chapter2
[8] https://drummagazine.com/eq-tips-from-mixing-legend-ed-cherney/
[9] https://www.musictech.net/tutorials/music-mixing-drum-reverbs/
[10] https://www.soundonsound.com/techniques/inside-track-mark-ronson-uptown-funk
[11] https://www.attackmagazine.com/technique/deconstructed/andrew-scheps-mixing/
[12] https://drummagazine.com/green-days-tre-cool-secrets-drum-sound/
[13] https://modernmixing.com/blog/2015/11/19/mixing-drums-like-chris-lord-alge/
[14] http://www.mixdownmag.com.au/secrets-behind-maroon-5s-sugar
[15] https://www.soundonsound.com/techniques/mixing-essentials-referencing
[16] https://en.wikipedia.org/wiki/Hybrid_Theory

เป็นอันเสร็จสิ้นบทความแล้วนะครับ ตอนนี้สามารถ Copy เนื้อหาทั้งหมดได้แล้ว รวมถึงหมายเลขลำดับหัวข้อต่างๆ ด้วย หวังว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการอ่านและนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นนะครับ