Share

เพลงอารมณ์ความรุนแรงและร่างกาย Music, Emotion, Violence, and the Body

การทำแผนผังความสัมพันธ์การเชื่อมโยงระหว่างดนตรี และอารมณ์เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก แม้ว่านักประสาทวิทยา นักจิตวิทยา และนักมนุษยวิทยาดนตรี ทั้งหมดได้กล่าวถึงการเชื่อมโยงสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ ได้ถูกอธิบายไว้ในหลายหลักการและแนวคิดที่แตกต่างกันไป แต่จุดสำคัญของงานทั้งหมดนั้น คือการพยายามระบุความหมายของดนตรี และความรู้สึกของมนษย์ที่มีความสัมพันธ์กัน โดยความสัมพันธ์นี้ได้ถูกอธิบายว่าขึ้นอยู่กับตัวเอง ซึ่งเกี่ยวกับการถูกขัดเกลาทางวัฒนธรรมของมนุษย์ โดยมีดนตรีเป็นทรัพยากรที่สำคัญและเป็นสื่อกลางในการประมวลผลผ่านประสบการณ์ การรับรู้ของมนุษย์มีบริบทโดยรอบผ่านอารมณ์และความรู้สึก ในการสร้างอารมณ์และปรับความรู้สึกนั้นได้สร้างและปรับปรุงเพื่อแสดงออกมาของดนตรี สามารถกล่าวได้ว่าดนตรีสนับสนุน “การทำงานด้านอารมณ์” หรือกล่าวได้ว่า “เพลงเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนอารมณ์และสังคมขณะนั้น”

ด้วยปัจจัยจากธรรมชาติที่มีการพึ่งพาอาศัยกัน อารมณ์และความรู้สึกนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองเฉพาะปัจจัยสิ่งเร้าภานอกจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือโครงสร้างทางวัฒนธรรมเท่านั้น การสื่อสารออกมาของมนุษย์สามารถอยู่นอกเหนือสิ่งเร้าจากการแยกแยะระหว่างการพูดคุยกับการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจทั้งภายในและภายนอก ของร่างกายและจิตใจได้ สามารถเข้าใจได้ว่า อารมณ์เป็นเครื่องหมายหรือร่องรอยของร่างกายที่ถูกทิ้งไว้โดยการสัมผัสระหว่างตัวตนภายในกับโลกภายนอก มีอำนาจและหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างตัวตนกับสังคม

ในการแสดงออกซึ่งอำนาจและหน้าที่ผ่านอารมณ์และความรู้สึกนั้น เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่เป็นประสบการณ์ ผ่านการรับรู้ทางสังคมจากการครอบงำทางอำนาจความรู้ จากการผลิตซ้ำขึ้นจนกลายเป็นมายาคติ หรือกลายเป็นความจริง “ร่างกายเป็นนักแสดง และเครื่องดนตรี” ที่ไม่ใช่แค่การประกอบของธาตุอินทรีย์ กับกระบวนการทางอารมณ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นชุดความรู้ชุดหนึ่งที่เก็บข้อมูลจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาจากบริบทโดยรอบ จนกระทั้งก่อให้เกิดจิตสำนึกของแต่ละปัจเจกบุคคล ในการศึกษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์นั้นจึงจำเป็นต้องรับรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายกับสังคม อารมณ์จึงเกิดขึ้นจากทั้งชุดความรู้ และความรู้สึกทางร่างกาย และอารมณ์เหล่านั้นยังมีอำนาจในการเคลื่อนที่ไปไม่รู้จบ และสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา

การทำความเข้าใจ หรือการอธิบายการรับรู้เกี่ยวกับดนตรี หรือการอธิบายวิธีที่มนุษย์สามารถรับรู้เกี่ยวกับประสการณ์ บทบาททางอารมณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการรับรู้ได้ดียิ่งขึ้นนั้น การเริ่มต้นนั้นควรพยายามเข้าใจกระบวนการรับรู้ดนตรีในช่วงเวลาต่างๆ ทั้งช่วงเวลาที่ถูกบีบครั้นทางอารมณ์จนไม่มีสติในการควบคุมอารมณ์ และมีสติปกติ ดนตรีและอารมณ์ในพื้นที่การติดต่อทั้งภายในตัวตนและโลกภายนอก ระหว่างตัวตนภายใน (ร่างกายที่มีสติพร้อม) และสังคมภายนอกมีอิทธิพลอย่างมากจากสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่ได้รับฟังเพลง พื้นที่การติดต่อต่อของการทำงานด้านอารมณ์เกิดขึ้น เพื่อการแสดงให้เห็นการรับรู้และแสดงอารมณ์ที่เข้าใจมากขึ้น ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์สมมติ เช่น ท่ามกลางสงคราม ในช่วงฤดูหนาวอันข่มขื่น กองกำลังทหารกำลังเฆี่ยนตีนักโทษของพวกเขา ทหารนายหนึ่งได้แยกตัวนักโทษคนหนึ่ง พร้อมใช้ปืนขู่สั่งให้นักโทษคนดังกล่าวร้องเพลงขึ้น นักโทษคนนั้นไม่สามารถพยายามร้องเพลงได้เพราะกลัวอย่างมาก ขณะเดียวกันนักโทษคนอื่นๆ ต่างก็พยายามที่จะสนับสนุนให้เพื่อนนักโทษของเขาที่จะร้องเพลง จากนั้นทั้งหมดได้ร่วมกันร้องเพลง “Ave Maria ”( บทเพลงที่มีเนื้อหากล่าวถึงคำอธิฐานของเด็กหญิงท่ามกลางป่า ที่สิ้นหวัง ประพันธ์โดย Franz Schubert) พร้อมกันด้วยความหวัง สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันนั้นคือ น้ำตาที่หลินไหลแปดเปื้อนลงบนใบหน้า พร้อมการเปร่งเสียงอันขมขื่น เป็นต้น ซึ่งการรับรู้ทางดนตรีขณะนั้นสามารถจารึกร่างกายด้วยอารมณ์ โดยฉากปรากฎการณ์ดังกล่วาได้สะท้อนการเชื่อมโยงความรู้สึกของผู้คน สังคมในขณะนั้น เราสามารถเห็นถึงตัวอย่างการติดต่อกันของการรับรู้ของอารมณ์กับพื้นที่ การปรับโครงสร้างของการสื่อสารทางอารมณ์ และการแสดงอารมณ์ในขณะนั้น

ดนตรีและบทเพลงไม่ได้มีความหมายโดยธรรมชาติ หรือเนื้อหาทางอารมณ์ แต่ในการรับรู้ทางอารมณ์สิ่งที่ทำให้พื้นที่จำเป็นและมีประสิทธิพลในการรับรู้ ผลกระทบของดนตรีและอารมณ์ที่มาพร้อมกับดนตรีมีการเชื่อมโยงอย่างมากกับประสบการณ์การรับรู้ทั้งในอดีตที่ได้รับการปลูกสร้างมาในผู้ฟังแล้ว ผลกระทบยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมการรับรู้นั้น นอกจากนี้ผลกระทบของดนตรียังไม่ได้กำหนดโดยผู้ฟังแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสังคมโดยรอบ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั้งการสร้างดนตรี และการฟังดนตรีเป็นทั้งการปฏิบัติทางอารมณ์และทางร่างกาย ร่างการจะทำการเรียนรู้ เข้าใจดนตรี ขณะเดียวกันจะทำการสร้างประสบการณ์เข้ากับการเชื่อมโยงดนตรีกับการบันทึกความทรงจำ ด้วยความหมายในการเข้าใจขณะนั้นลงไป อารมณ์ดังกล่าวจะมีความเป็นอัตบุคคลและความรู้สึกส่วนตัวของตนเอง บทบาทของดนตรีในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์กับโลกภายนอก เป็นสื่อที่สำคัญสำหรับการทำงานด้านอารมณ์ที่กระตุ้นอารมณ์เฉพาะเจาะจงต่ออายุหรือปรับรูปร่างใหม่ทางความทรงจำที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการสร้างความเป็นรสนิยมของตัวเอง ดนตรีจึงอานเป็นเครื่องมือในการอยู่รอดสำหรับบางคนเฉพาะบุคคลที่มีความทรงจำที่รู้สึกว่าดนตรีเป็นสิ่งที่มีความหมายสำคัญต่อชีวิตและความเป็นตัวตนของพวกเขาก่อนที่ที่พวกเขาจะไปรับรู้ความโศรกเศร้าสิ้นหวังในสถานการณ์อื่น

การฟังดนตรี และการแสดงดนตรีในสภาวะที่ปกติ อาจเป็นเรื่องที่ปกติที่มักจะรับรู้ว่าดนตรีเป็นพลังงานด้านบวก แต่ความตระหนักถึงขีดความสามารถด้านมึด หรือด้านลบที่เพิ่มมากขึ้นของดนตรี ในสถานการณ์ที่พูดถึงในความสมดุลทางพลังงานของดนตรี ในช่วงที่ผ่านมาการรับรู้เรื่องด้านมืดของดนตรี อาจไม่ถูกพูดถึง ไม่คุ้นชินมากนัก การใช้ดนตรีในค่ายกักกันสังคมนิยมแห่งชาติ และค่ายกักกันการทำลายล้างถือเป็นประเพณีแห่งการใช้ดนตรีร่วมกันกับความรุนแรง และการทรมานซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง

ดังตัวอย่างข้างต้นของการที่ทหารในค่ายกักกันนักโทษที่ร้องเพลง “Ave Maria” ที่ทำหน้าที่สร้างความหวัง ที่สร้างประสบการณ์และอารมณ์ร่วกันของนักโทษ เป็นการอธิบายความเข้มข้นและรุนแรงเชื่อมโยงผสมผสานดนตรีและความรุนแรงได้เป็นอย่างดี การฟังและการแสดงดนตรีเป็นวิธีการทางอารมณ์อย่างหนึ่งที่สามารถเชื่อมโยงความทรงจำและความหมายเข้าด้วยกันเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของมนุษย์ ดนตรีสามารถทำการควบคุมร่างกายและอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์ก็จะสามารถสร้างอัตลักษณ์ของตัวตนของมนุษย์พร้อมแสดงอารมณ์และความรู้สึกนั้นกลายเป็นประสบการณ์ และความทรงจำที่มีควมหมาย โดยตัวตนนั้นจะถูกหล่อหลอมเป็นตัวตนภายในเพื่อที่จะทำการต่อสู้กับสภาวะโลกภายนอก ในการฟังและรับชมดนตรีนั้นตัวตนภายในกับโลกภายนอกจะทำการต่อสู้กันอย่างรุนแรง เพื่อควบคุมร่างกาย จิตใจ ร่างกายและจิตใจที่มีสติควบคุมจะปรับเปลี่ยนรูปแบบต่างๆ ตามสภาพทางอารมณ์ที่สัมผัสกับสภาวะต่างๆ ตัวตนที่ที่อ่อนแอ ควบคุมสติ หรือควบคุมตัวตนภายในไม่ได้ก็จะถูกละเมิดและในที่สุดความรุนแรงทางอารมณ์ก็จะทำลายตัวตนภายใน และจะแสดงออกมาให้เห็นในรูปแบบต่างๆ เช่น การร้องไห้ โศรกเศร้า และดีใจแบบสุดขีด เป็นต้น ดนตรีสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือทางความรุนแรง บทบาทของดนตรีถูกใช้ในการสร้างตัวตนผ่านความตราตรึงใจทางอารมณ์แล้วกระทบการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ไปตามพื้นที่สภาวะที่เกิดขึ้นขณะนั้น

Written by : Chitsanupong Intarakaew (ethnomusicologist)

 

พบกับเทคนิค/เคล็ดลับในการทำเพลงอื่นๆได้ทุกอาทิตย์ที่
Facebook : Mrarranger
Youtube : Mrarranger
อย่าลืมกด Like/Subscribe และติดตามกันด้วยนะครับ

——————————
MR Arranger
#1 Online School for Music Production
?สอบถามเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการทำเพลงและคอร์สเรียนออนไลน์
?Line ID : @Mrarranger (มี@ข้างหน้า)
https://line.me/R/ti/p/%40mrarranger
?FB fanpage : Mrarranger
Website : www.mrarranger.com
?091-4428924
?096-1926592