โอเวอร์โทน หรืออีกชื่อหนึงคือ ฮาร์มอนิกส์ ซึ่งมีความหมายโดยรวมถึงเสียงที่ซ้อนขึ้นไปบนโน้ตพื้นฐานหรือโน้ตที่เราเอามาเป็นชื่อเรียกนั่นเองเพราะโดยเสียงที่เกิดในธรรมชาติแล้วการทำให้วัตถุสั่นสะเทือนหรือได้รับพลังงานจะสร้างคลื่นที่มีรูปแบบซับซ้อนขึ้นมาจาก ปัจจัยต่างๆทั้ง ขนาด มวล และอุนหภูมิ ของวัตถุนั้นๆ สมมุติเราดีดกีตาร์เพียงโน้ตโดตัวเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะมีการสั่นความถี่อื่นๆที่สูงขึ้นไปเป็นลำดับ เพราะโดยเสียงที่เกิดในธรรมชาติแล้วการทำให้วัตถุสั่นสะเทือนหรือได้รับพลังงานจะสร้างคลื่นที่มีรูปแบบซับซ้อนขึ้นมาจาก ปัจจัยต่างๆทั้ง ขนาด มวล และอุนหภูมิ ของวัตถุนั้นๆ สมมุติเราดีดกีตาร์เพียงโน้ตโดตัวเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะมีการสั่นความถี่อื่นๆที่สูงขึ้นไปเป็นลำดับ
เมื่อรวมกันแล้ว Overtone จะสร้างเสียงเฉพาะให้เครื่องดนตรีชนิดนั้น แตกต่างกันออกไปถึงแม้จะเล่นโน้ตเดียวกันก็ตาม (Tone color) ซึ่งโอเวอร์โทนเหล่านี้ยังสร้างความแตกต่างให้กับคอร์ดและโน้ตที่เกิดขึ้น เมื่อเราเล่น คอร์ดหรือที่มีโอเวอร์โทน ที่ 2,3,4,5 หูเราก็จะได้ยินว่ามันเข้ากันหรือ แต่หากเล่นคอร์ดหรือโน้ตที่อยู่นอกโอเวอร์โทนก็จะได้ยินเป็นเสียงเพี้ยนไปนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่นเครื่องเสียงต่ำทั้งหลาย เช่น คิก เบส ทูบา ที่เราคิดว่ามันมีแค่เสียงต่ำ แต่หากเปิดดูใน Spectrogram ก็จะเห็นว่ามันครอบคลุมไปถึงสูงด้วย ดังนั้นการอีคิว หรือ ใช้ฟิลเตอร์เพื่อเพิ่มหรือลดในย่านเสียงที่เป็นโอเวอร์โทนนั้นจะส่งผลให้คาแร็คเตอร์ของเสียงนั้นๆเปลี่ยนไปด้วย ยังรวมไปถึงการสร้างเสียงสังเคราะห์แบบ Additive synthesis ที่เป็นการผสมผสานโอเวอร์โทนเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเสียงแบบใหม่ที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันในเพลง EDM เรียกได้ว่าโอเวอร์โทนเป็นพื้นฐานอย่างหนึงที่สำคัญในการทำความเข้าเสียงและดนตรีที่เราใช้กันนั่นเองครับ
