Share

10 เคล็ดลับสุดเจ๋งในการอัดเสียงกีตาร์โปร่งให้ได้คุณภาพระดับมืออาชีพ

13/05/2024

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ชาว Mrarranger ทุกคน วันนี้ผมมีเคล็ดลับเด็ด ๆ ในการอัดเสียงกีตาร์โปร่ง ให้ได้คุณภาพเทพ เหมือนมืออาชีพ มาฝากกันครับ เทคนิคเหล่านี้ผมได้เรียนรู้และรวบรวมมาจากประสบการณ์ตรง และหาข้อมูลจากโปรดิวเซอร์ระดับโลกที่เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมากมาย รับรองว่าเอาไปใช้ได้ผลชัวร์ แน่นอนครับ

1.เลือกไมค์คอนเดนเซอร์คุณภาพดีที่เหมาะกับกีตาร์โปร่ง

การเลือกไมโครโฟนให้ถูกกับแหล่งกำเนิดเสียง เป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกเลยในการได้เสียงอัดที่ดี ซึ่งกีตาร์โปร่งนั้นเข้ากันกับไมค์ชนิดคอนเดนเซอร์ที่สุด เพราะจะจับรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน
ให้เสียงที่นุ่มนวล มีมิติ

ไมค์รุ่นฮิตในสตูดิโอระดับมืออาชีพ ได้แก่

Neumann U87 ไมค์ในตำนานที่ให้เสียงหวานนุ่ม เหมาะเป็นที่สุดกับกีตาร์โปร่ง

AKG C414 เสียงใสสวย รับได้หลากหลายแนว ครบทุกรายละเอียด

Shure KSM32 จุดเด่นคือเสียงอุ่นกลมนุ่ม แต่ยังคงความชัดเจน

Aston Origin ไมค์คุณภาพสูงในราคาจับต้องได้ เสียงดีไม่แพ้ใคร

2.จัด position ของไมค์ให้ถูกจุด

การวางตำแหน่งไมค์นั้นส่งผลกับเสียงที่ได้มากพอ ๆ กับการเลือกไมค์เลยล่ะ ซึ่งมี position ยอดฮิตสำหรับอัดกีตาร์โปร่ง ดังนี้

2.1 ตั้งไมค์ห่างจาก sound hole ราว 6-12 นิ้ว ให้สูงเสมอกับตัวกีตาร์ (sweet spot) จะได้ยินเสียงสายและเสียงตัวโปร่งผสมกลมกลืน

Sound hole คือรูกลมตรงกลางหน้ากีตาร์โปร่ง ที่ทำหน้าที่ขยายเสียงจากการสั่นของสายและกล่องเสียง (sound box) ออกมา การวางไมค์บริเวณนี้จะรับเสียงได้ดีที่สุด ครบทั้งสายและตัวโปร่ง

แต่ก็อย่าชิดหรือไกลเกินไป ถ้าชิดเกินจะได้เสียงอู้ บุ้มเกินงาม ส่วนถ้าไกลกว่า 12 นิ้ว เสียงก็จะเบาบางไป ระยะ 6-12 นิ้วนี่แหละดีที่สุด เป็น sweet spot ที่ลงตัวเลยจริง ๆ

2.2 จัดไมค์แบบ X-Y คือเอา 2 ไมค์วางไขว้กัน เป็นมุม 90 องศา ห่างจาก sound hole ราว 6-8 นิ้ว จะได้เสียงกีตาร์ที่เป็นธรรมชาติสุด ๆ เหมือนนั่งฟังอยู่ตรงหน้า

2.3 วางไมค์แบบ stereo AB โดยเอา 2 ไมค์มาตั้งห่างกัน 3-4 ฟุต วางขนาน ๆ กัน เหมือนลอกเลียนแบบการฟังของหูซ้าย-ขวา จะได้เสียงที่กว้างและลึกขึ้น

2.4 วางไมค์ 3 ตัว ล้อมกีตาร์เป็นสามเหลี่ยม คือตัวนึงที่ sound hole ตัวนึงที่คอ และอีกตัวที่ body เพื่อจับทุก element ของเสียงกีตาร์อย่างครบถ้วน

2.5 วาง 3 ไมค์ เรียงเป็นแนวดิ่ง ให้ไมค์ตรงกลางห่างจาก sound hole 6 นิ้ว ส่วนไมค์ด้านบน-ล่างห่างไมค์กลางข้างละ 1.5 ฟุต เสียงที่ได้จะหนักแน่น กว้างขวาง แต่ก็ยังมี details ครบ

3.ลดเสียงสะท้อนไม่พึงประสงค์ด้วยแผ่นดูดซับ

ถ้าอัดในห้องที่มีเสียงสะท้อนก้องกังวานเยอะ เราควรเอาแผ่น acoustic panel มากั้นเป็นฉากหลังและด้านข้างของกีตาร์ เพื่อ absorb เสียงสะท้อนพวกนั้นไว้ ทำให้อัดออกมาได้เสียงที่เนียนนุ่ม เป็นธรรมชาติ ไม่มีเสียงห้องมารบกวน
วัสดุที่ใช้ทำแผ่นดูดซับเสียงก็มีทั้ง acoustic foam, fiberglass, synthetic fibers หลากหลายแบบ เชื่อไหมว่า Eric Clapton เอง ก็มักอัดกีตาร์ในห้องที่มีแผ่นดูดซับปิดผนังรอบด้านเลยนะ
ลองฟังเสียงกีตาร์นุ่มใสไร้เสียงก้องในเพลง “Tears in Heaven” ที่นี่เป็นตัวอย่าง

4.ปรับแต่งเสียงด้วย EQ อย่างพิถีพิถัน

เราสามารถปรับเสียงกีตาร์ให้มีมิติมากขึ้นด้วยการใช้ EQ ครับ มีย่านความถี่ที่ควรใส่ใจดังนี้

  • 80-100 Hz ตัดลดลงเพื่อลดเสียงอู้อี้ เสียงที่ทำให้ฟังดูขุ่นมัว ช่วยให้ฟังสบายหูขึ้น
  • 200-400 Hz เพิ่มนิดหน่อยเพื่อเสียงอุ่นนุ่ม แต่อย่าเพิ่มมากนะ จะอู้
  • 1-2 kHz ลดลงถ้าเสียงแหลมบาดหู หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อความคมชัดของ note
  • 6-12 kHz เพิ่มขึ้นหน่อยเพื่อเสียงที่ใสกังวาน หรือลดลงถ้าเสียงมันมากเกินไป

ยกตัวอย่าง Tommy Emmanuel มือกีตาร์ระดับตำนานที่ปรับแต่ง EQ จนกลายเป็น signature sound เฉพาะตัว ที่กลมกล่อม เป็นธรรมชาติสุด ๆ ลองฟังเสียงกีตาร์ที่ bright และ crisp หลังผ่านการจูน EQ แบบพอเหมาะในเพลง “Angelina” ที่นี่

5.อัดหลายเทคนิคมาผสมผสานกันเพื่อความสมบูรณ์แบบ

เคล็ดลับอีกอย่างก็คือ ลองอัดกีตาร์ 2-4 layer ที่เสริมเติมแต่งกัน เช่น เทคแรกเล่นคอร์ดเต็ม ๆ, เทคสองเล่นคอร์ดคู่พร้อมแต่งเสริมด้วย note เดี่ยว ๆ, เทคสามเล่น arpeggio แล้วค่อยเอาทุกเทคมา mix รวมกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นเสียงที่ full, มี dimension หลากหลาย ไม่แบนจืดชืดจนเกินไป
ดูเป็นตัวอย่างได้จากเพลง “Tears in Heaven” ของ Eric Clapton ที่นำกีตาร์หลายเทคนิคมาร้อยเรียงประสานกันจนเป็นเสียงที่ไพเราะลงตัวสุด ๆ

หรือในเพลงฮิตอย่าง “More than Words” ของวง Extreme ที่ไม่ได้มีแค่กีตาร์คอร์ดธรรมดา ๆ แต่ยังแต่งแต้มด้วย arpeggio, lead เสริมเข้ามาด้วย จึงได้ออกมาเป็นซาวด์ที่ประทับใจ ติดหูผู้ฟังทั่วโลก

6.ใช้ compressor ช่วยปรับความดัง-เบาให้สมดุลยิ่งขึ้น

Compressor เป็นเครื่องมือช่วยบีบอัดช่วงห่างของเสียง ทำให้เสียงที่ดังเกินไปนั้นเบาลง ส่วนเสียงที่ค่อยเกินก็จะดังขึ้น เสียงที่ได้เลยแน่นขึ้น นุ่มละมุนขึ้น โดยแนะนำให้ตั้ง ratio ที่ 2:1 ถึง 4:1, ปรับ attack ให้เร็วสัก 5-10ms, release ที่ค่าปานกลาง จากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับลด threshold จนเสียงเริ่มอิ่มขึ้น มี sustain นานขึ้นอย่างได้ผล
Compressor ที่เหมาะกับกีตาร์โปร่งมีดังนี้
dbx 163X ได้เสียงที่ใส แต่ยังได้เสียงที่ใสแจ๋ว แต่ก็ยังรักษา dynamic ไว้ได้ดี
Universal Audio LA-2A ให้โทนเสียงคลาสสิคอุ่น ๆ นุ่ม ๆ น่าหลงใหล
Empirical Labs Distressor เด่นเรื่องควบคุมเสียงพีคได้อย่างนุ่มนวล เหมาะกับการอัดสดสุด ๆ
Eddie Kramer Sound engineer ระดับตำนานผู้อยู่เบื้องหลังอัลบั้มสุดคลาสสิคมากมาย อย่างเช่น Jimi Hendrix, Led Zeppelin, Kiss ก็มักใช้ LA-2A ในการCompressเสียงกีตาร์เสมอ
เช่นในเพลง “All Along the Watchtower” ของ Hendrix ที่ได้ยินเสียงกีตาร์โปร่งที่นุ่มนวล แต่แน่นปึ๊ก พร้อมด้วย sustain ที่กินใจสุด ๆ

7.ใส่ reverb แต่พอดี เพื่อเพิ่มมิติเสียง

Reverb จะช่วยสร้างบรรยากาศ ความรู้สึกลึกล้ำ อย่างกับได้ยินกีตาร์ที่ดังก้องอยู่ในห้องคอนเสิร์ต แต่ต้องใส่แต่พอดี ไม่งั้นเสียงจะลอยเกินเหตุ โดยปกติเราจะตั้งค่า decay time สั้น ๆ แค่ 1-2 วินาทีก็พอ กลั่นออกมาแค่นิด ๆ พอเสียงดูมี dimension ขึ้น

Reverb ที่เข้ากับกีตาร์โปร่ง ได้แก่

  • Room เลียนแบบเสียงในห้องเล็ก ๆ ให้อารมณ์จริงใจ สมจริง
  • Hall อย่างเสียงในโถงใหญ่ สร้างความรู้สึกอลังการ กว้างไกล
  • Plate ให้เสียงหวาน ใส มีเสน่ห์วินเทจ

ยกตัวอย่างจากเพลง “Wonderwall” ของ Oasis ที่มีเสียงกีตาร์โปร่งดังก้องกังวาน เหมือนเล่นอยู่ในฮอลล์ขนาดใหญ่ จะเห็นว่ามี reverb แบบ hall ที่ decay time ราว 2.5 วินาทีแทรกอยู่ ทำให้เสียงกีตาร์ดูมีมิติ ลึกล้ำน่าค้นหายิ่งขึ้น

ปลั๊กอิน reverb สุดฮิต เช่น Lexicon PCM, Universal Audio รุ่น 224, EMT 250 ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของมือมิกซ์ระดับ top อย่าง Chris Lord-Alge ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตระดับโลกนับไม่ถ้วน

8.อัดด้วยหลายไมค์ในแต่ละ take เพื่อจับเสียงแบบ 3 มิติ

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการเสียงกีตาร์โปร่งสมจริงที่สุด เสมือนนั่งฟังกีตาร์สดตรงหน้า วิธีคือเราจะใช้ไมค์หลายตัวจับเสียงจากหลายมุม แล้วนำมาผสมผสานกัน เช่น

  • ไมค์ที่ 1 ตั้งห่างจากตัวผู้เล่น 1 ฟุต เพื่อเก็บเสียงจากมุมมองผู้ฟัง
  • ไมค์ที่ 2 จ่อที่ sound hole เพื่อจับเสียงจากแหล่งกำเนิดโดยตรง
  • ไมค์ที่ 3 ตั้งไกลออกไป 3-4 ฟุต ให้เสียง room ambience เข้ามาเล็กน้อย

ตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้ฟังได้จากเพลง “Neon” ของ John Mayer ซึ่ง Joe Ferla ผู้ร่วมงานประจำได้ลองวางไมค์หลากหลาย ทั้งที่ตัวผู้เล่น ที่กีตาร์ รวมถึงไมค์ที่ห้อง จากนั้นจึงผสมให้ลงตัวที่สุดในขั้นตอนมิกซ์ เพื่อให้ได้ทั้งรายละเอียด ความสมจริง และอารมณ์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

9.เลือกใช้สายสัญญาณคุณภาพสูง เพื่อส่งผ่านเสียงที่เนียนที่สุด

อีกปัจจัยสำคัญที่มักถูกมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วส่งผลต่อคุณภาพเสียงพอสมควร นั่นคือ “สายสัญญาณ” ครับ ไม่ว่าจะเป็นสายแจ็คจากตัวกีตาร์ สายต่อไมค์ สายอินพุต-เอาต์พุต ฯลฯ

สายที่ดีควรทำจากตัวนำที่มีความบริสุทธิ์สูง เช่น ทองแดง เงิน ทอง, มีวัสดุหุ้มฉนวนที่แน่นหนา แยกสัญญาณและกราวด์ชัดเจน, ขั้วต่อปลายสายแน่นหนา ส่งผ่านสัญญาณได้ราบรื่น ไร้สิ่งรบกวน ทนทานต่อการใช้งานระยะยาว

สายสัญญาณคุณภาพเยี่ยมที่ขึ้นชื่อ เช่น

  • Mogami Gold สำหรับต่อกีตาร์เข้ากับแอมป์
  • Monster Rock สำหรับต่อไมค์เข้ากับอินเตอร์เฟส
  • Canare Star Quad สายมาตรฐานสำหรับเดินสัญญาณในห้องอัด

10.ทุ่มเทสมาธิ และอัดซ้ำ ๆ หลายเทค เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เคล็ดลับสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือการทุ่มเทสมาธิอย่างเต็มที่ในการอัดกีตาร์โปร่ง ควรอัดในที่เงียบสงบ ไม่มีสิ่งรบกวนสมาธิ เพื่อให้เราถ่ายทอดอารมณ์ผ่านปลายนิ้วได้อย่างเต็มที่ที่สุด

และอย่าหวังว่าจะอัดเสร็จเพอร์เฟ็กต์ในทีเดียว ให้ลองอัดหลาย ๆ เทค หลาย ๆ มุม เผื่อไว้เยอะ ๆ แล้วค่อยเลือกเอาเทคที่ดีที่สุดมาใช้ในภายหลัง หรือตัดต่อรวมแต่ละเทคเข้าด้วยกัน สร้าง perfect take อย่างที่หวังไว้ นี่แหละคือวิธีการทำงานของมืออาชีพครับ

จบไปแล้วนะครับ กับ 10 เทคนิคทองในการอัดกีตาร์โปร่งให้ได้ซาวด์ระดับมืออาชีพ ที่ผมเอามาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ทุกคน เชิญเอาไปลองปรับใช้กับแนวดนตรีของตัวเองได้เลย รับรองว่าเสียงกีตาร์คุณจะต้องเพอร์เฟ็กต์ ครบเครื่อง ใส กังวาน มีมิติสมจริง อย่างกับอัดมาจากสตูดิโอระดับโลกแน่นอนครับ

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมอย่างไร หรืออยากแชร์เคล็ดลับเทพ ๆ ของตัวเองบ้าง คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

แหล่งอ้างอิง

[1] https://audiouniversityonline.com/best-acoustic-guitar-mics/

[2] https://producelikeapro.com/blog/10-tips-for-recording-acoustic-guitar/

[3] https://www.izotope.com/en/learn/7-tips-for-recording-acoustic-guitar.html

[A] https://www.yamaha.com/en/musical_instrument_guide/acoustic_guitar/mechanism/mechanism002.html

[4] https://ehomerecordingstudio.com/acoustic-panels/

[5] https://www.waves.com/tips-for-eq-ing-acoustic-guitar

[6] https://www.musicianonamission.com/how-to-record-acoustic-guitar/

[7] https://www.uaudio.com/blog/4-compression-techniques-acoustic-guitar/

[8] https://www.sweetwater.com/insync/acoustic-guitar-reverb/

[9] https://www.soundonsound.com/techniques/recording-john-mayer

[10] https://www.techhive.com/article/3572744/best-audio-cables.html

[11] https://www.musicradar.com/how-to/acoustic-week-18-recording-tips