1.เตรียมห้องและอุปกรณ์ให้พร้อม
การ Mastering ที่มีคุณภาพเริ่มต้นจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม
💡 เทคนิค: วางมอนิเตอร์ให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 30 ซม. และทำมุม 60 องศากับตำแหน่งที่นั่งฟัง
🌟 ตัวอย่าง: Bob Ludwig ใช้ห้อง Mastering ที่ออกแบบโดย George Augspurger ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอะคูสติก
2.ใช้ Reference Track
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: ADPTR AUDIO Metric AB
💡 เทคนิค: ใช้ Pink Noise เป็นตัวอ้างอิงเพื่อปรับBalanceความถี่
🌟 ตัวอย่าง: Greg Calbi ใช้เพลงที่ชนะรางวัล Grammy เป็น Reference Track เสมอ
3.ตรวจสอบ Mix ก่อน Mastering
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: iZotope Insight 2
💡 เทคนิค: ใช้ Mid/Side EQ เพื่อแก้ไขปัญหาความถี่เฉพาะในส่วนกลางหรือด้านข้างของสเตอริโอ
🌟 ตัวอย่าง: Emily Lazar ใช้เทคนิคนี้ในการ Master อัลบั้ม “Colors” ของ Beck
4.ใช้ EQ อย่างระมัดระวัง
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: FabFilter Pro-Q 3
💡 เทคนิค: ใช้ Dynamic EQ เพื่อแก้ไขปัญหาความถี่เฉพาะช่วงที่มีปัญหา
🌟 ตัวอย่าง: Bob Katz ใช้ EQ เพียงเล็กน้อย โดยไม่เกิน 2 dB ในแต่ละย่านความถี่
5.ควบคุมไดนามิกด้วย Compression
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: UAD SSL G-Bus Compressor
💡 เทคนิค: ใช้ Ratio ประมาณ 1.5:1 ถึง 2:1, Attack 30-50 ms, Release 100-300 ms
🌟 ตัวอย่าง: Chris Gehringer ใช้ SSL G-Series Compressor ในการ Master เพลงของ Rihanna
6.เพิ่มความดังด้วย Limiter
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: FabFilter Pro-L 2
💡 เทคนิค: ตั้งค่า Ceiling ที่ -0.3 dB, ตั้งเป้าหมาย Loudness ที่ -14 LUFS สำหรับ Streaming Platforms
🌟 ตัวอย่าง: Mandy Parnell ใช้เทคนิคนี้ในการ Master อัลบั้ม “21” ของ Adele
7.ขยายภาพเสียงด้วย Stereo Widening
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: iZotope Ozone Imager
💡 เทคนิค: ใช้ Multiband Stereo Widening เพื่อขยายความกว้างเฉพาะบางช่วงความถี่
🌟 ตัวอย่าง: Tom Coyne ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลงของ Taylor Swift
8.ใช้ Multiband Compression
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: FabFilter Pro-MB
💡 เทคนิค: แบ่งย่านความถี่เป็น 3-4 ย่าน และปรับ Compression แต่ละย่านแยกกัน
🌟 ตัวอย่าง: Bernie Grundman ใช้เทคนิคนี้ในการ Master อัลบั้มของ Dr. Dre
9.เพิ่มความอิ่มของเสียงด้วย Saturation
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: FabFilter Saturn 2
💡 เทคนิค: ใช้ Multiband Saturation เพื่อเพิ่มความอิ่มเฉพาะบางช่วงความถี่
🌟 ตัวอย่าง: Vlado Meller ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลงของ Kanye West
10.ตรวจสอบ Phase
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Waves InPhase
💡 เทคนิค: ใช้ Goniometer เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ของเฟสระหว่างช่องซ้ายและขวา
🌟 ตัวอย่าง: Bob Ludwig ใช้เทคนิคนี้ในการ Master อัลบั้มของ Led Zeppelin
11.ใช้ M/S Processing
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Brainworx bx_digital V3
💡 เทคนิค: ปรับแต่ง EQ และ Dynamics แยกกันระหว่างช่องกลาง (Mid) และช่องข้าง (Side)
🌟 ตัวอย่าง: Andrew Scheps ใช้เทคนิคนี้เพื่อเพิ่มความชัดเจนให้กับเสียงร้องในช่องกลาง
12.ทำ Parallel Processing
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Slate Digital Virtual Mix Rack
💡 เทคนิค: สร้าง Parallel Chain สำหรับ Compression หรือ Saturation แล้วผสมกับสัญญาณต้นฉบับ
🌟 ตัวอย่าง: Chris Lord-Alge ใช้เทคนิคนี้เพื่อเพิ่มพลังให้กับเสียงกลองในหลายๆ เพลงร็อค
13.ใช้ Harmonic Exciter
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Waves Aphex Vintage Aural Exciter
💡 เทคนิค: เพิ่มฮาร์โมนิกส์ให้กับเสียงเพื่อเพิ่มความสดใสและความชัดเจน
🌟 ตัวอย่าง: Tony Maserati ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลงของ Beyoncé
14.ทำ Dithering
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: iZotope Ozone 9 Advanced
💡 เทคนิค: ใช้ Dithering เมื่อลดบิทเรทของไฟล์ (เช่น จาก 24-bit เป็น 16-bit)
🌟 ตัวอย่าง: Bob Katz เน้นย้ำความสำคัญของการทำ Dithering อย่างถูกต้องในหนังสือของเขา
15.ใช้ Analog Emulation
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Universal Audio Ampex ATR-102
💡 เทคนิค: ใช้ Analog Emulation เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและคาแรคเตอร์ให้กับเสียง
🌟 ตัวอย่าง: Manny Marroquin ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลงของ John Mayer
16.ทำ Loudness Normalization
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Loudness Penalty
💡 เทคนิค: ปรับระดับความดังให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มที่จะเผยแพร่
🌟 ตัวอย่าง: Ian Shepherd เป็นผู้ริเริ่ม Dynamic Range Day เพื่อส่งเสริมการ Master ที่รักษาไดนามิกเรนจ์
17.ใช้ Linear Phase EQ
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: FabFilter Pro-Q 3
💡 เทคนิค: ใช้ Linear Phase EQ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา Phase Shift ในย่านความถี่ต่ำ
🌟 ตัวอย่าง: Dave Pensado ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลงของ Michael Jackson
18.ทำ Stem Mastering
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: iZotope Ozone 9 Advanced
💡 เทคนิค: แยก Master ออกเป็นหลาย Stem (เช่น เบส, กลอง, เสียงร้อง) แล้ว Master แต่ละ Stem แยกกัน
🌟 ตัวอย่าง: Luca Pretolesi ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลง EDM หลายเพลง
19.ใช้ Adaptive Limiter
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Pro-L 2
💡 เทคนิค: ใช้ Adaptive Limiter ที่ปรับ Attack และ Release อัตโนมัติตามเนื้อหาของเพลง
🌟 ตัวอย่าง: Serban Ghenea ใช้เทคนิคนี้ในการ Master เพลงของ Bruno Mars
20.ทำ A/B Testing อย่างสม่ำเสมอ
🔌 ปลั๊กอินแนะนำ: Sample Magic Magic AB
💡 เทคนิค: เปรียบเทียบเสียงก่อนและหลัง Mastering อย่างสม่ำเสมอ
🌟 ตัวอย่าง: Greg Calbi ใช้เทคนิคนี้ในทุกขั้นตอนของการ Master เพื่อให้แน่ใจว่าการปรับแต่งทำให้เพลงดีขึ้นจริง
การ Mastering เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน 🎓 หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการ Mix และ Mastering แบบมืออาชีพ เราขอแนะนำคอร์ส Music Producer Boot Camp ของเรา
🎶 สนใจเรียนทำเพลงด้วย Suno AI แบบจัดเต็ม ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/wbWr9arPzqubus3L/
📚 คอร์สเรียนอื่นๆ สามารถดูได้ที่ https://mrarranger.com/
🏋️♂️ คอร์ส Music Producer Bootcamp: https://academy.mrarranger.com/home
📣 ติดตามข่าวสารและเทคนิคการทำเพลงเพิ่มเติมได้ที่ Page MrArranger: https://www.facebook.com/mrarranger
—————————-
ติดต่อสอบถาม
-เรียนทำเพลง คอร์สเรียนออนไลน์, คอร์สเรียนเจอตัว
mrarranger .com
ปรึกษาฟรี LineOA : @arranger
– จ้างทำเพลง ผลิตเพลงทุกรูปแบบ LineOA : @admin
096-1926592, 0914428924
-จ้างงานโฆษณา งานรีวิว LineOA : @arranger
096-1926592, 0914428924