เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว Hip-hop ได้ถือกำเนิดขึ้น นับตั้งแต่นั้นมาเพลง Rap ก็ได้ค่อยๆ วิวัฒนาการและแตกย่อยสาขาออกมานับไม่ถ้วน จนทุกวันนี้ Hip-hop หรือการ Rap นั้นมีหน้าต่างแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ตามยุคสมัยและเทคโนโลยีทางดนตรี
.
.
.
วันนี้เราจะมาพูดถึง 22ประเภทของ Hip-hop ที่พัฒนาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ว่าแต่ละประเภทมีที่มาเป็นอย่างไร ลักษาณะหรือจุดเด่นเป็นแบบไหนแบบเข้าใจง่ายๆ เพื่อให้คุณได้รู้จักกับแนวของ Hip-hop มากขึ้น มาดูกันว่าใน 22แนวนี้ทุกคนรู้จักแนวไหนกันบ้าง
.
.
.
1. Old school
เรามาเริ่มกันที่รุ่นพี่สุดเก๋ากันก่อนเลย
Old school เริ่มต้นเมื่อประมาณปลายยุค 70s ถึงช่วงกลางยุค 80s แต่เดิมทีแล้ว Old school มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ค่อนข้างเรียบง่าย การใช้ Sample แบบง่ายๆ การ Scratch แผ่นแบบไม่ซับซ้อน การใช้ Rhyme ด้วยสัมผัสที่เรียบง่าย ส่วนใหญ่เราจะได้ยินว่ามีการใช้ Duple meter (คือจังหวะหนักอยู่ที่จังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2 เป็นจังหวะเบา) ด้วย และไม่ได้เห็นการใช้โน้ต 3 พยางค์เท่าไหร่ในยุุคแรกๆ
นิวยอร์กมักจะเป็นที่ที่กำเนิดของศิลปินฮิปฮอป Old school เป็นส่วนใหญ่ แต่ฮิปฮอปรุ่นน้องๆ ที่เรากำลังจะได้เห็นกันจากนี้เราจะได้เห็นว่านิวยอร์กไม่ใช่สถานที่เดียวที่ศิลปินฮิปฮอปจะแจ้งเกิดได้
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Sugar Hill Gang, Tupac, Slick Rick
.
.
.
2. Boom-bap
คำว่า "Boom bap" เป็นคำเลียนแบบเสียงของกลองเบส (Kick) และ Sanre นั่นเอง
สไตล์นี้มักจะใช้กลองแบบ Sample loop ที่เป็น Acoustic ในการตีแต่ละครั้งของ Kick และ Snare มักจะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างหนักที่เรียกได้ว่ากระแทกหน้าได้เลยทีเดียว Producer ในยุคนี้มักจะใช้เพลง Soul หรือ Funk จากแผ่น Vinyle มาทำเป็นเป็น Loop ดนตรีด้วยเจ้า SP-1200(Sampler Machine) MC จะออกแบบ Rymth ให้ออกมาคล้องจองกับตัวกลองที่หนักหน่วงจนกลางเป็นเอกลักษณ์ และเราจะได้เริ่มเห็นได้ว่ามันค่อนข้างมีอิทธิพลอย่างมากกับเพลง Rap ยุคหลังๆ ต่อจากนี้
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Nas, Wu-Tang Clan, Mobb Deep
.
.
.
3. Jazz rap
Jazz rap มีความเกี่ยวเนื่องกันกับยุคของ Boom-bap นั่นเป็นเพราะ Sample ส่วนใหญ่ที่ Producer นิยมใช้กันนั่นคือเพลงแนว Jazz หรือ Funk จากแผ่น Vinyle เช่นเดียวกับ Boom-bap
Jazz rap ในช่วงต้นยุค 2000 ได้ผลักดันขีดจำกัดของเทคนิคการ Samp เสียงให้มีความสลับซับซ้อนทางดนตรีไปอีกขั้นหนึ่ง อย่าง Loop กลองที่ไม่ค่อยมีการตีที่ตายตัว สำหรับผมในยุคนี้ Producer ที่เราต้องพูดถึงนั้นมีอยู่สองคน นั่นคือ J Dilla และ MF DOOM
J Dilla เป็นโปรดิวเซอร์ที่ได้รับการยกย่องในการบุกเบิก สไตล์การสร้างกลองที่ไม่เหมือนใครเป็นกลองที่มีความ Swing แบบ Jazz เล็กน้อย ส่วน MF DOOM เป็นนักแต่งเพลงชั้นครูที่มีความสามารถในการร้อยเรียงบทกวีที่มีความซับซ้อนในการเล่าเรื่อง ณ ยุคนั้นต้องเรียกได้ว่าแทบไม่มีใครขึ้นมาเป็นคู่แข่งของเขาได้เลย
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Karriem Riggins, Knxwledge, Anderson .Paak
.
.
.
4. Trap
นี่คงเป็นแนวที่เราได้ยินกันบ่อยที่สุดแล้วในวงการ Hip-hop ตอนนี้เพลงกระแสหลักตั้งแต่ Pop ยัน Country หรือแม้กระทั่งบ้านเราที่เห็นลูกทุ่งก็นำ Beat Trap ไปใส่กันก็มีมาแล้ว
Trap เกิดขึ้นในแอตแลนตาและถูกบุกเบิกโดยโปรดิวเซอร์ฝีมือดี อย่าง Metro Boomin และ Zaytoven จุดเด่นของมันคือการใช้เบส 808 ที่หนักหน่วงและกว้าง การตี Hi-hat ที่รวดเร็ว และการใช้โน๊ต 3 พยางค์ทั้งตัวของ Beat และ Rymth
Trap เป็นแนวที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ง่ายมากๆ ในบรรดาตระกูล Hip-hop เนื่องจากตัว Beat นั้นทำค่อนข้างง่ายไม่ยุ่งยาก และยิ่งด้วยเทคโนโลยีของ Daw และการ Samp ในยุคหลังๆ มานี้ ยิ่งทำให้การจะสร้างดนตรี Trap ขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำกันได้ไม่ยากเย็นนัก
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Gucci Mane, Future, Megan Thee Stallion
.
.
.
5. Mumble rap
Mumble rap อาจจะเป็นคำที่สร้างความไม่พอใจให้กับศิลปินบางคนถ้าถูกเรียกด้วยคำนี้ แต่ในหลาย ๆ แง่มุมมันก็เป็นคำอธิบายที่เป็นรูปธรรมได้ดีเกี่ยวกับรูปแบบการแร็พที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้ นั่นก็คือการ Rap เหมือนบ่นงึมงัมอยู่ในคอนั่นแหละ แนวเพลงนี้แตกหน่อมากจากแนว Trap มักเล่นกับโน๊ต 3พยางค์ใน Rymth และตัวศิปปินจะพ่นคำออกมาที่ค่อนข้างเร็วมากๆ คำที่ใช้มักจะเป็นคำที่เข้าใจได้ยาก หรือบางทีก็สร้างคำขึ้นมาใหม่เองเลย
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Young Thug, Lil Yachty, 645AR
.
.
.
6. Rap rock
Rap rock คือการผสมผสานระหว่าง High Energy ของร็อคเข้ากับ Attitude และ Style ของฮิปฮ็อป แนวเพลงนี้เติบโตมาจากช่วงปลายยุค 90s อย่าง Beastie Boys และ Run DMC แต่เริ่มมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากศิลปินยุค 2000 อย่าง Linkin Park
Rap rock มักใช้สไตล์การทำดนตรีมาจากพังก์และฮาร์ดคอร์ และจะเว้นพื้นที่ไว้สำหรับท่อนแร็พด้วยในเพลง ซึ่งตัวบีทที่มักใช้กันนั้นก็ได้รับแรงบันดาลใจจากกลองของแนว Boom-bap
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Linkin Park, Rage Against the Machine
.
.
.
7. Country trap
Country Trap เป็นแนวเพลงที่ค่อนข้างใหม่โดย มีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับ Trap และ Pop-country เราจะเห็นได้ว่าเพลงที่เริ่มกำหนดให้แนวให้สไตล์นี้คือ Old Town Road ของ Lil Nas X แต่จริงๆ แล้ว Nelly กับ Florida Georgia Line ได้วางรากฐานให้กับแนวนี้ก่อนหน้านั้นแล้วหลายปี
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: RMR, Little Nas X
https://www.youtube.com/watch?v=gxIEt3KEohk&feature=emb_title
.
.
.
8. Gangsta rap
Gangsta rap เป็นเพลงประเภทย่อยหนึ่งของช่วงปลายยุค 90s และต้นยุค 2000s เนื้อหาของ Rymth เป็นเนื้อหาที่จะอธิบายถึงด้านที่อันตรายและน่ากลัวของการใช้ชีวิตของเหล่าสมาชิกแก๊งบนท้องถนน ถึงแม้ว่าจะเป็น Gangsta ที่ฟังดูมีความเป็นอันธพาล แต่ตัวดนตรีมักจะใช้ samp จากดนตรีเครื่องสายหรือเพลงแนวออรร์เคสตรา คลาสสิค หรือแจ๊ส เป็นส่วนใหญ่
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Jedi Mind Tricks, Geto Boys
.
.
.
9. Crunk
Crunk เกิดขึ้นในฟลอริดาและบางส่วนของรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงยุค 2000 ถ้าได้ลองฟังคุณจะรู้ได้ว่ามันเป็นแนวเพลงแร็พที่น่าสนใจ ฟังดูมีเอกลักษณ์และแตกต่างจากแนวอื่น ๆ Crunk เป็นหนึ่งในสารตั้งต้นของแนว Trap สมัยใหม่ ที่ได้แรงบัลดาลใจจากการให้ hi-hat เล่นในจังหวะที่รวดเร็วและเสียง kick ที่หนักแน่น
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของมันคือเสียงร้อง นักร้องหรือแร็ปเปอร์จะใช้เสียงร้องที่ค่อนข้างดังและดุดัน ซึ่งฟังดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตะโกนร้องใส่ไมค์ ศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Lil Jon เป็นคนที่มีชื่อเสียงในด้านการร้องที่ไพเราะและวิธีการตะโกน "YEAH" และ "OKAY" ที่จับใจ
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Lil Jon, Lil’ Scrappy, Soulja Boy
.
.
.
10. Drill
Drill เป็นอีกหนึ่งสไตล์การแร็พที่ได้แรงบันดาลใจจาก Trap ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในแนวกระแสหลักในช่วงยุค 2010 โปรดิวเซอร์ในชิคาโกเป็นคนที่ริเริ่มมันขึ้นมา อย่าง Young Chop และ Chief Keef ก็ได้รับแรงบันดาลใจจาก Trap สไตล์แอตแลนต้า แต่ว่าจะมีการเน้นหนักไปที่สร้าง Hi-hat ที่รวดเร็วและซับซ้อน Synthpad ที่มีความ Dark เสียง Horn ที่กรอบ และ 808 ที่หนักหน่วงและมีลูกเล่นที่ฟังดูดุดัน เนื้อหาของเพลงจะใกล้เคียงกับ Gangsta นั่นคือมักจะพูดถึงชีวิตบนท้องถนนที่โหดร้ายและรุนแรง
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Chief Keef, Young Chop, Pop Smoke
.
.
.
11. Emo rap
Emo rap ได้แรงบันดาลใจจากเนื้อเพลงที่ฟังดูเจ็บปวดทรมานของ เคิร์ท โคเบน ท่วงทำนองที่ให้ความรู้สึกโหยหาแบบมิดเวสต์อีโมบวกกับสกรีโม รูปแบบดนตรีได้ใช้สไตล์ neo-R&B แบบ T-Pain
Emo rap จะมีการเน้นไปที่เนื้อหาของเนื้อร้องไม่ต่างจากเพลง Emo ทั่วไป ที่จะพูดถึงความเจ็บปวด ความทรมาณ ความรู้สึกภายในจิตใจที่บางครั้งก็ค่อนข้างเป็นนามธรรม ย่าง Lil Uzi Vert ที่เพลงของเขานั้นจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเจ็บปวดส่วนตัวของพวกเขา และสไตล์การแต่งตัวก็ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวกรันจ์อีกด้วย
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Lil Uzi Vert, Juice WRLD, XXXTentacion
https://www.youtube.com/watch?v=WrsFXgQk5UI&feature=emb_title
12. Grime
Grime เป็นอีกแนวหนึ่งของฮิปฮอปที่เติบโตมาจากฝั่งของ UK หรือสหราชอาณาจักร เป็นการผสมผสานการทางดนตรีของฮิปฮอปให้เข้ากับแนวทางดนตรีอิเล็กทรอนิกส์สาย UK’s healthy dance โดยเฉพาะดนตรีแบบ UK Garage ในแนวนี้เรามักจะได้ยินการใช้เสียง Synth แบบง่ายๆ และ Pad ที่มีความ Wierd อะไรบางอย่าง นอกเหนือจากตัวดนตรีแล้ว ยังมีความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือการร้องที่จะร้องภาษาอังกฤษแบบสำเนียง London แถมยังใส่ศัพท์แสลงสไตล์อังกฤษเข้าไปใน Rymth อีกด้วย
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Skepta, JME
.
.
.
13. UK Drill
UK Drill ก่อกำเนิดมาจาก Trap ที่มีอิทธิพลต่อสไตล์ของเพลง Drill จากชิคาโก มันเป็นแนวเพลงใหม่ที่บูมมากๆ ในช่วง 2019 Stormzy และ AXL Beats คือแร็ปเปอร์และโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังคอยสร้างชื่อเสียงให้กับแนวนี้ วิธีที่ดีที่สุดในที่จะอธิบายลักษณะของ UK Drill คือการผสมผสานระหว่าง Rymth ที่มีสัมผัสคล้องจองกันอย่างลื่นไหลของ UK Grime เข้ากับ Beat กลองหนักๆ แบบกระแทกหน้าของ Drill
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Stormzy, Skengdo
.
.
.
14. Bounce
นิวยอร์กอาจจะได้รับเครดิตในการกำเนิดฮิปฮอปไปเต็มๆ แต่คงจะไม่ใช่ที่ที่เดียวที่ฮิปฮอปจะเติบโตขึ้นมาในช่วงยุค 90s ในนิวออร์ลีนส์ก็ได้มีการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมดนตรีกับเขาด้วยเช่นกัน "Bounce" คือการตอบโต้ของวัฒนธรรมฮิปฮอปของคนภาคใต้ที่มีต่อคนภาคเหนือ เมื่อต้องเปรียบเทียบกันระหว่างทั้งสอง ฝั่งนิวยอร์กจะมีเอกลักษณ์ที่หนักแน่และดุนดัน แต่ Bounce จะออกไปทางสนุกมากกว่า Beat ของมันฟังแล้วชวนให้เต้นตามหรือร้องตามากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือใกล้เคียงกับพวก Electronic dance นั่นแหละ
Bounce เป็นตัวบุกเบิกของการผสมผสานระหว่างเพลง Soul R&B และ Hip-hop มันคือ Hip-hop สายเลือดใต้อย่างแท้จริงและยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินแนว Crunk สุดโด่งดังอย่าง Lil Jon และศิลปินแนว Horrorcore อย่าง Three 6 Mafia อีกด้วย
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: JUVENILE, Magnolia Shorty, DJ Jubilee
.
.
.
15. Horrorcore
Horrorcore คือแนวเพลงที่ให้อารมณ์ Dark และรุนแรงตามชื่อ ตัวดนตรีมักจะใช้เพลงธีมที่เหมือนหนังสยองขวัญโดยมีเมโลดี้ไม่กี่ตัวเพื่อให้การแร็ปดูโดดเด่น เนื้อเพลงที่พูดถึงความรุนแรงโดยได้แรงบันดาลใจมาจากแนวเพลง gangsta rap ที่พูดถึงชีวิตอาชญากรรมหรือคดีโหดร้าย ไปจนถึงการฆ่าฟันกันน่าสยดสยองไร้ความปราณีหรือฆาตกรโรคจิตที่ฟังแล้วนึกภาพตามได้เลย และสิ่งเหล่านี้ก็ยังเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของการกำเนิด Trap อีกด้วย Horrorcore เมื่อเราได้ฟังมันแล้วอาจฟังดูเหมือนว่ามันถูกก่อกำเนิดมาจากนิวยอร์ก แต่จริงๆ แล้วมันเติบโตมาจากทางใต้นั่นคือ Memphis และ Houston ต่างหาก
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Three 6 Mafia, Geto Boys
.
.
.
16. Latin trap
Latin trap คือลูกผสมระหว่าง Reggae และ Trap ในแนวนี้เราจะได้ยินเสียงจังหวะกลอง Dembow ของ Reggae ผสมผสานเข้ากับ 808 ที่หนักหน่วงและ Hi-hat ที่รวดเร็วของ Trap ศิลปินมักจะร้องเป็นภาษาสเปนและตัวของเนื้อร้องเองก็จะมีทั้งเนื้อร้องและเนื้อ rap
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Bad Bunny, Rosalia
.
.
.
17. Conscious hip-hop
Conscious hip-hop เติบโตควบคู่มากับ Boom-bap มาตลอดในช่วงกลางยุค 90s ด้วยเหตุการการณ์ทางการเมืองที่เกิดการจลาจลขึ้นใน LA ในปี 1992 เหล่ากลุ่มชาติพันธู์ต่างๆ เช่น Quest และ NWA ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับความโหดร้ายของตำรวจที่กระทำต่อชุมชนคนผิวสี จึงได้เขียนเพลงเพื่อแสดงความโกรธของพวกเขาขึ้นมา
แนวเพลง Conscious hip-hop ได้ริเริ่มวัฒนธรรมของการพูดเรื่องจริงขึ้นมา เพื่อสร้างแรงผลักดันในวงการฮิปฮอปจนถ่ายทอดไปสู่ศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายคนอย่าง Common และ Kendrick Lamar
"เพลงมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเตือนสติ ความรู้ต่างๆ ที่สำคัญที่ควรรู้ในระบบระบอบที่ทางรัฐบาลและกลุ่มคนผู้มีอำนาจมอบให้ ประณามความรุนแรงและสงคราม ความไม่ยุติธรรมในสังคม ระบบทุนนิยม การกดขี่มนุษย์ ถ้าให้เทียบ Conscious Rap ให้เห็นภาพง่ายๆ มันก็คงออกแนวเป็นบทสวด ธรรมะ (สำหรับศาสนาพุทธ) คัมภีร์ต่างๆ ของศาสนาอื่นๆ ในแบบฉบับของการแร็ป ที่คอยเตือนให้รู้สึก และรู้ตัว ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้" - Raised That Way Thailand
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Public Enemy, Jungle Brothers, The Roots
.
.
.
18. Soundcloud rap
Soundcloud เป็นแพลตฟอร์มอีกที่หนึ่งที่แร็ปเปอร์หลายคนมักใช้ในการเผยแพร่งาน ติดตาม หรือเรียนรู้และพัฒนาสกิลของพวกเขา จึงไม่แปลกใจเลยที่ Soundcloud จะให้กำเนิดศิลปินใหม่ๆ มากมายหรือแม้แต่สไตล์การแร็พใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน บทเพลงของศิลปิน Soundcloud หลายๆ คนมักมีเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มีความ Wierd อะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มีความแปลกใหม่อยู่เสมอ แต่ก็ยังคงความเป็นสุนทรียะทางศิลปะที่สวยงามอยู่
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Lil B, Yung Lean, Lil Ugly Mane
.
.
.
19. Hyphy
ในช่วงที่กระแสฮิปฮอปของนิวยอร์กกำลังเติบโตขึ้นในช่วง 90s อีกฟากหนึ่งบนชายฝั่งตะวันตกใน Oakland ซึ่งเป็นที่ที่กำลังมีการเริ่มต้นของแนวเพลง Hyphy ขึ้น เป็นที่รู้จักกันดีจากการที่มันได้สร้างแรงบันดาลในให้ Producer หลายๆ คน อย่าง Dr. Dre รวมไปถึงฝั่ง west coast อย่าง G-Funk
จริงๆ แล้วต้นกำเนิดหลักของมันมากจาก Too $hort และ E-40 ซึ่งทั้งคู่ได้สร้างสรรค์ให้มันกลายเป็นเพลงสนุกๆ ที่ให้อารมณ์แบบสดใสและมีชีวิตชีวาจนกลายเป็นสไตล์ Hyphy ที่เรารู้จักมาถึงทุกวันนี้
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Too $hort, Keak Da Sneak
.
.
.
20. Lo-fi hip-hop
เพลงบรรเลงหนึ่งเดียวในตระกูล Hip-hop นั่นก็คือ Lo-fi hip-hop นี่เอง และยังเป็นหนึ่งในเพลง Hip-hop ที่เป็นที่นิยมมากอีกสไตล์ ณ เวลานี้ แนวนี้ได้รับความนิยมมากใน Playlist ของ YouTube และยังเป็นแหล่งที่มาหลักๆ ของบีทสไตล์นี้อีกด้วย
Lo-fi hip-hop นั้นได้รับอิทธิพลอย่างชัดเจนจาก Boom-bap, jazz rap
.
.
.
21. G-funk
G-funk อาจเป็นหนึ่งในแนวฮิปฮอปที่โด่งดังที่สุดในช่วงปลายยุค 90s และต้นปี 2000 โปรดิวเซอร์ที่สำคัญที่สุดในแนวนี้คือ Dr. Dre ซึ่งเป็นผู้ที่หลอมรวมความ Funk ให้เข้ากับกลองอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เหมือนใครจนเกิดเป็นเพลงฮิปฮอปแขนงใหม่ขึ้นมา ศิลปินแทบทุกคนในฝั่งแคลิฟอร์เนียในยุค 90s ต่างก็อยากมีโอกาสสักครั้งที่จะทำงานร่วมกับ Dr. Dre
G-funk มักจะนิยมใช้ guitar sample, vintage synths และกลองอิเล็กทรอนิกส์แบบแน่นๆ จากการตี
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: Ice Cube, Snoop Dogg, Dr. Dre
.
.
.
22. Footwork
Footwork อาจเป็นแนวเพลงฮิปฮอปสมัยใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมี Sound ที่ค่อนข้างน่าสนใจ ผมจะขอยกเครดิตในการคิดค้น Footwork นี้ให้กับค่ายเพลง Teklife ในชิคาโก และศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดของแนว Footworks อย่าง DJ Rashad ผู้ล่วงลับ
มันเป็นเพลงที่มี BPM ที่เร็วมาก และได้ถูกต่อยอดมาจาก Trap ยุค Classic ตัวกลองนั้นเป็นเป็นจุดเด่นของแนวนี้ มี Hi-hat ที่รวดเร็วเล่นสลับกันระหว่าง triplets และ duples โดยเฉพาะ Kick ที่มักจะใช้โน๊ต 3พยางค์ในการเล่นอยู่บ่อยครั้ง และตัวดนตรีก็มักจะใช้ Sample จากเพลงแนว Jazz และ Soul อีกด้วย
ศิลปินที่โดดเด่นในแนวนี้: DJ Paypal, DJ Spinn, DJ Taye