สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ…
1) Gated Reverb
2) Reversed Reverb
โดยปกติ Reverb จะค่อยๆ ลดลงตามกาลเวลา แต่ Reversed Reverb จะทำงานตรงกันข้าม มันจะค่อยๆ บวมขึ้นและหยุดลง สามารถใช้ใน Transition ได้ดี
3) Mono Reverb
Mono reverb สามารถเพิ่ม Colour ให้กับ เสียงได้ดี โดยที่ไม่ส่งผลกับ Mix มากจนเกินไป ตัว Stereo Reverbทำให้เสียงที่ถูก Pan ออกไปไกล ฟังดูเป็นหนึ่งเดียวกับ Mix แต่บางครั้งถ้าเราต้องการให
4) Triggered Reverb
ตัว Triggered Reverb ทำให้เสียงเสียงหนึ่งโดดเด่
5) 100 % Wet
การปรับ Reverb ให้เป็น 100 % Wet จะฟังดูเหมือนกับทำให้เสียง
6) Re-triggered Reverb
สร้าง Return Channels สองตัว ส่งอันนึงไปที่ Reverb และอีกอันไปที่ Delay (1/4 หรือ ½ Note) และส่ง Output ของ Delay ไปที่ Input ของ Reverb อีกที สมมุติว่ามีเสียงเปียโน ก็ส่งเสียงเปียโนเป็น 2 Sends อันนึงไป Delay อีกอันไป Reverb มันจะสร้าง Effect ที่มี Reverb แบบอลังการ
7) Modulated Soundfields
คุณสามารถทำให้ Reverb ฟังดูกว้างขึ้นได้โดย ใส่ delay นิหหน่อยไปที่ Channel นึงของ Stereo reverb หรือ Pitch-shift ด้านนึงขึ้นและ Pitch-shift อีกด้านนึงลง (+3 และ -3) หรืออาจจะใส่ Chorus เข้าไปใน Return ของ Reverb ด้วย มันจะทำให้ Reverb ฟังดูกว้างและเกินจริง
? Octaved Reverb
ให้คุณก็อปปี้ Track นั้นและ Pitch-Shit มันขึ้น 1 Octave และส่งสัญญาณของ Track ที่ถูก Pitch-Shift ไปที่ Reverb Channel เล็กน้อย มันจะให้เสียงที่ฟังดูมี Spark และสว่างขึ้นมา
“สังคมของคนทำเพลง”
Mr arranger
หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับเ
https://facebook.com/
Thank you.
Best Witiwat
ดูLinkต้นฉบับ : https://
————————–
✅ ติดตามข่าวสารได้ที่
✅ Line ID : @Mrarranger (มี@ข้างหน้า)
https://line.me/R/ti/p/
รับผลิตเพลงทุกรูปแบบ
www.mrarranger.com
✅ 094-5653266,0914428924
#mrarranger #music #FLstudio #สอนออนไลน์#คอร์สเรียนออนไลน์ #ทำเพลง #สร้างเพลง#โรงเรียนสอนทำเพลง #AbletonLive #Logic#Cubase #รับผลิตเพลง #อัดร้อง #เพลงโฆษณา#เพลง #รับทำเพลงทุกรูปแบบ #เรียนทำเพลง