Share

10 เทคนิคการทำเพลงสำหรับผู้เริ่มต้น: จากมือใหม่สู่โปรดิวเซอร์มืออาชีพ

21/10/2024

1. เลือก DAW ที่เหมาะกับคุณ 

การเลือก Digital Audio Workstation (DAW) ที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกที่สำคัญ

แนะนำ DAW ยอดนิยม:

  • Ableton Live: เหมาะสำหรับ Electronic และ Live Performance

  • FL Studio: ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น

  • Logic Pro X: สำหรับผู้ใช้ Mac โดยเฉพาะ

  • Pro Tools: มาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับงานบันทึกเสียงมืออาชีพ

เทคนิคเชิงลึก: ทดลองใช้เวอร์ชันทดลองฟรีก่อนตัดสินใจซื้อ

ตัวอย่าง: Skrillex ใช้ Ableton Live ในการสร้างสรรค์ผลงาน EDM ที่โด่งดัง

2. เรียนรู้พื้นฐานทฤษฎีดนตรี 

ความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีดนตรีช่วยให้คุณสร้างสรรค์เพลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อสำคัญ:

  • โครงสร้างคอร์ด

  • สเกลและโหมด

  • จังหวะและเมเตอร์

  • การประสานเสียง

เทคนิคเชิงลึก: ใช้แอพ เช่น “Perfect Ear” หรือ “Teoria” เพื่อฝึกฝน

ตัวอย่าง: Jacob Collier ใช้ความรู้ทฤษฎีดนตรีขั้นสูงในการสร้างสรรค์ผลงานที่ซับซ้อน

3. ลงทุนกับอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น 

อุปกรณ์คุณภาพดีช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อุปกรณ์แนะนำ:

  • Audio Interface: Focusrite Scarlett 2i2

  • หูฟังสตูดิโอ: Audio-Technica ATH-M50x

  • MIDI Keyboard: Akai MPK Mini MK3

  • ไมโครโฟน: Shure SM58

เทคนิคเชิงลึก: เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน แล้วค่อยๆ อัพเกรด

ตัวอย่าง: Billie Eilish และ FINNEAS ใช้ Universal Audio Apollo Twin ในการบันทึกเสียงอัลบั้มแรกที่บ้าน

4. ฝึกฝนการ Mix อย่างสม่ำเสมอ 

การ Mix ที่ดีช่วยให้เพลงของคุณฟังดูสมดุลและมืออาชีพ

เทคนิคเชิงลึก:

  • ใช้ Reference Track เปรียบเทียบ

  • ฝึก Critical Listening

  • ใช้ Frequency Analyzer เช่น SPAN จาก Voxengo

ตัวอย่างการตั้งค่า EQ:

  • กีตาร์: ลดที่ 100 Hz, เพิ่มที่ 2-4 kHz

  • เสียงร้อง: High-pass ที่ 100 Hz, เพิ่มที่ 3-5 kHz

ตัวอย่าง: Andrew Scheps ใช้ Parallel Compression ในการ Mix เสียงกลอง

5. เรียนรู้การใช้ Compression อย่างมีประสิทธิภาพ 

Compression ช่วยควบคุมไดนามิกและสร้างความสมดุลให้กับ Mix

เทคนิคเชิงลึก:

  • เริ่มด้วย Ratio ต่ำๆ (2:1 หรือ 3:1)

  • ปรับ Threshold ให้ทำงานเฉพาะส่วนที่ดังเกินไป

  • ใช้ Attack time สั้นๆ สำหรับเสียงที่มี Transient ชัดเจน

  • ปรับ Release time ให้สอดคล้องกับจังหวะ

ตัวอย่างการตั้งค่าสำหรับเสียงร้อง:

  • Ratio: 3:1

  • Threshold: -12 dB

  • Attack: 5 ms

  • Release: 50 ms

  • Makeup Gain: 2-3 dB

ตัวอย่าง: Chris Lord-Alge ใช้ Compression แบบ Aggressive กับเสียงกลองและกีตาร์

6. ใช้ Reverb และ Delay อย่างสร้างสรรค์ 

Reverb และ Delay ช่วยสร้างมิติและความลึกให้กับเสียง

เทคนิคเชิงลึก:

  • ใช้ Pre-delay บน Reverb

  • EQ Reverb เพื่อลดความถี่ต่ำที่ไม่จำเป็น

  • ซิงค์ Delay time กับ Tempo ของเพลง

  • ใช้ Ping-pong Delay สร้างความกว้างให้ Stereo Image

ตัวอย่างการตั้งค่า Reverb สำหรับเสียงร้อง:

  • Type: Plate Reverb

  • Decay Time: 1.5-2 seconds

  • Pre-delay: 20-30 ms

  • Mix: 15-20%

ตัวอย่าง: Tony Maserati ใช้ Multiple Reverbs ในการสร้างมิติให้กับเสียงร้อง

7. เรียนรู้การ Mastering เบื้องต้น 

Mastering ช่วยให้เพลงมีความสมดุลและเสียงดังสม่ำเสมอ

เทคนิคเชิงลึก:

  • ใช้ Multiband Compression

  • ใช้ Stereo Widening อย่างระมัดระวัง

  • ตั้งค่า Limiter ให้เหมาะสม

ตัวอย่างการตั้งค่า Limiter:

  • Threshold: -3 to -1 dB

  • Release: Auto หรือ 50 ms

  • Output Ceiling: -0.3 dB

  • Look-ahead: On

ตัวอย่าง: Bob Ludwig ใช้ EQ แบบ Linear Phase และ Limiter ที่มีความละเอียดสูง

8. สร้างแบบแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 

แบบแผนการทำงานที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเพลง

เทคนิคเชิงลึก:

  • ใช้ Color Coding และ Naming Convention ที่ชัดเจน

  • สร้าง Template สำหรับ Project ที่ทำบ่อยๆ

  • ใช้ Keyboard Shortcuts

  • ทำ Backup Project สม่ำเสมอ

ตัวอย่าง: Deadmau5 ใช้ Template ที่มี Routing และ Effect Chain ซับซ้อนไว้ล่วงหน้า

9. เรียนรู้การใช้ Synthesizer 

Synthesizer เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์

เทคนิคเชิงลึก:

  • เรียนรู้ Oscillator, Filter, Envelope, และ LFO

  • ทดลองสร้างเสียงจากศูนย์

  • ใช้ Preset เป็นจุดเริ่มต้นแล้วปรับแต่งต่อ

ตัวอย่าง: Flume ใช้ Synth ในการสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ในเพลง “Never Be Like You”

10. ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง 

การพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

เทคนิคเชิงลึก:

  • ตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว

  • เรียนรู้จากโปรดิวเซอร์ที่คุณชื่นชอบ

  • เข้าร่วม Community และ Workshop ต่างๆ

  • ทดลองทำเพลงในแนวที่ไม่คุ้นเคย

ตัวอย่าง: Kygo เริ่มต้นด้วยการ Remix เพลงของศิลปินอื่นก่อนที่จะสร้างเพลงของตัวเอง

การทำเพลงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการ Mix และ Mastering แบบมืออาชีพ เราขอแนะนำคอร์ส Music Producer Boot Camp ของเรา

🎶 สนใจเรียนทำเพลงด้วย Suno AI แบบจัดเต็ม ดูรายละเอียดได้ที่

📚 คอร์สเรียนอื่นๆ สามารถดูได้ที่

🏋️‍♂️ คอร์ส Music Producer Bootcamp: https://academy.mrarranger.com/home

📣 ติดตามข่าวสารและเทคนิคการทำเพลงเพิ่มเติมได้ที่ Page MrArranger: