Share

ทฤษฎีดนตรีสำหรับทำเพลง

20/11/2024

1.ทำความรู้จักกับ Diatonic Chords คืออะไร

Diatonic Chords คือคอร์ดที่เกิดจากโน้ตในบันไดเสียงเมเจอร์ แบ่งเป็น 7 ระดับ:

1. คอร์ด I (Tonic) – คอร์ดหลัก เช่น C ในคีย์ C

2. คอร์ด ii (Super-tonic) – คอร์ดรอง เช่น Dm ในคีย์ C

3. คอร์ด iii (Mediant) – คอร์ดรอง เช่น Em ในคีย์ C

4. คอร์ด IV (Sub-dominant) – คอร์ดรอง เช่น F ในคีย์ C

5. คอร์ด V7 (Dominant) – คอร์ดดอมินันท์ เช่น G7 ในคีย์ C

6. คอร์ด vi (Sub-mediant) – คอร์ดรอง เช่น Am ในคีย์ C

7. คอร์ด vii° (Leading tone) – คอร์ดดิมินิชท์ เช่น Bdim ในคีย์ C

2.เรียนรู้ Major Scale และ Minor Scale

Major Scale และ Minor Scale คือบันไดเสียงพื้นฐานที่สำคัญในการทำเพลง

Major Scale (บันไดเสียงเมเจอร์):

1. โครงสร้าง: Whole-Whole-Half-Whole-Whole-Whole-Half

2. ตัวอย่างในคีย์ C: C-D-E-F-G-A-B-C

Minor Scale มี 3 แบบ:

1. Natural Minor

– โครงสร้าง: Whole-Half-Whole-Whole-Half-Whole-Whole

– ตัวอย่างในคีย์ Am: A-B-C-D-E-F-G-A

2. Harmonic Minor

– เพิ่มความเข้มของคอร์ด V7 โดยยกโน้ตตัวที่ 7 ขึ้นครึ่งเสียง

– ตัวอย่างในคีย์ Am: A-B-C-D-E-F-G#-A

3. Melodic Minor

– ขาขึ้น: A-B-C-D-E-F#-G#-A (คล้าย Major Scale)

– ขาลง: A-G-F-E-D-C-B-A (เหมือน Natural Minor)

3.เรียนรู้เรื่องขั้นคู่ (Intervals) พื้นฐาน

ขั้นคู่ (Intervals) คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว:

ขั้นคู่เมเจอร์ (Major)

ขั้นคู่ 2 เมเจอร์ (M2): C→D

ขั้นคู่ 3 เมเจอร์ (M3): C→E

ขั้นคู่ 6 เมเจอร์ (M6): C→A

ขั้นคู่ 7 เมเจอร์ (M7): C→B

ขั้นคู่ไมเนอร์ (minor)

ขั้นคู่ 2 ไมเนอร์ (m2): C→Db

ขั้นคู่ 3 ไมเนอร์ (m3): C→Eb

ขั้นคู่ 6 ไมเนอร์ (m6): C→Ab

ขั้นคู่ 7 ไมเนอร์ (m7): C→Bb

ขั้นคู่เพอร์เฟค (Perfect)

ขั้นคู่ 1 เพอร์เฟค (P1): C→C

ขั้นคู่ 4 เพอร์เฟค (P4): C→F

ขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค (P5): C→G

ขั้นคู่ 8 เพอร์เฟค (P8): C→C

4.การสร้างคอร์ด Triad (คอร์ดสามเสียง)

การสร้างคอร์ด Triad หรือคอร์ดสามเสียง มีดังนี้:

Major Triad

ประกอบด้วย: Root – Major 3rd – Perfect 5th

ตัวอย่าง C Major: C-E-G

สัญลักษณ์: C

Minor Triad

ประกอบด้วย: Root – Minor 3rd – Perfect 5th

ตัวอย่าง C Minor: C-Eb-G

สัญลักษณ์: Cm

Diminished Triad

ประกอบด้วย: Root – Minor 3rd – Diminished 5th

ตัวอย่าง C Diminished: C-Eb-Gb

สัญลักษณ์: C°

Augmented Triad

ประกอบด้วย: Root – Major 3rd – Augmented 5th

ตัวอย่าง C Augmented: C-E-G#

สัญลักษณ์: C+

5.การสร้างคอร์ด 7th (Seventh Chords)

การสร้างคอร์ด 7th มีดังนี้:

Major 7th (Maj7)

ประกอบด้วย: Major Triad + Major 7th

ตัวอย่าง CMaj7: C-E-G-B

สัญลักษณ์: CMaj7, CM7, C△7

Dominant 7th (7)

ประกอบด้วย: Major Triad + Minor 7th

ตัวอย่าง C7: C-E-G-Bb

สัญลักษณ์: C7

Minor 7th (m7)

ประกอบด้วย: Minor Triad + Minor 7th

ตัวอย่าง Cm7: C-Eb-G-Bb

สัญลักษณ์: Cm7

Half Diminished 7th (m7b5)

ประกอบด้วย: Diminished Triad + Minor 7th

ตัวอย่าง Cm7b5: C-Eb-Gb-Bb

สัญลักษณ์: Cm7b5, Cø7

Diminished 7th (dim7)

ประกอบด้วย: Diminished Triad + Diminished 7th

ตัวอย่าง Cdim7: C-Eb-Gb-Bbb

สัญลักษณ์: Cdim7, C°7

6.Extended Chords (คอร์ดขยาย 9, 11, 13)

Extended Chords คือการเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ด 7th:

1. คอร์ด 9 (Ninth Chords)

– Major 9: คอร์ด Maj7 + Major 9

– ตัวอย่าง CMaj9: C-E-G-B-D

– สัญลักษณ์: CMaj9, CM9

– Dominant 9: คอร์ด 7 + Major 9

– ตัวอย่าง C9: C-E-G-Bb-D

– สัญลักษณ์: C9

2. คอร์ด 11 (Eleventh Chords)

– Major 11: คอร์ด Maj9 + Perfect 11

– ตัวอย่าง CMaj11: C-E-G-B-D-F

– สัญลักษณ์: CMaj11, CM11

– Dominant 11: คอร์ด 9 + Perfect 11

– ตัวอย่าง C11: C-E-G-Bb-D-F

– สัญลักษณ์: C11

3. คอร์ด 13 (Thirteenth Chords)

– Major 13: คอร์ด Maj11 + Major 13

– ตัวอย่าง CMaj13: C-E-G-B-D-F-A

– สัญลักษณ์: CMaj13, CM13

– Dominant 13: คอร์ด 11 + Major 13

– ตัวอย่าง C13: C-E-G-Bb-D-F-A

– สัญลักษณ์: C13

7.การ Modulation (การเปลี่ยนคีย์) พื้นฐาน

การ Modulation มี 3 วิธีพื้นฐาน:

1. Common Chord Modulation

– ใช้คอร์ดที่มีร่วมกันระหว่าง 2 คีย์

– ตัวอย่างจากคีย์ C ไป G:

* คอร์ด G เป็น V ในคีย์ C

* คอร์ด G เป็น I ในคีย์ G

* ลำดับ: C → G → D7 → G

2. Direct Modulation

– เปลี่ยนคีย์ทันทีแบบฉับพลัน

– นิยมเปลี่ยนขึ้นครึ่งเสียง หรือ 4 เสียง

– ตัวอย่าง:

* C → C# (ขึ้นครึ่งเสียง)

* C → F (ขึ้น 4 เสียง)

3. Pivot Chord Modulation

– ใช้คอร์ดที่มีหน้าที่ต่างกันใน 2 คีย์

– ตัวอย่างจากคีย์ C ไป G:

* Am เป็น vi ในคีย์ C

* Am เป็น ii ในคีย์ G

* ลำดับ: C → Am → D7 → G

8.คอร์ดแทน (Substitute Chords) พื้นฐาน

คอร์ดแทน คือการใช้คอร์ดอื่นที่มีโน้ตคล้ายกันแทนคอร์ดหลัก:

1. คอร์ดแทนแบบ Relative

– vi แทน I (Am แทน C)

– iii แทน I (Em แทน C)

– ii แทน IV (Dm แทน F)

2. คอร์ดแทนแบบ Secondary Dominant

– V7/V แทน ii (D7 แทน Dm)

– V7/ii แทน vi (A7 แทน Am)

– V7/vi แทน iii (E7 แทน Em)

3. คอร์ดแทนแบบ Tritone Substitution

– แทนคอร์ด V7 ด้วยคอร์ด bII7

– ตัวอย่าง: Db7 แทน G7 ในคีย์ C

– ลำดับ: Dm7 → Db7 → CMaj7

4. คอร์ดแทนแบบ Diminished

– dim7 แทน V7

– ตัวอย่าง: Bdim7 แทน G7

– ใช้เป็นคอร์ดผ่าน (Passing Chord)

9.Secondary Dominant และการนำไปใช้

Secondary Dominant คือคอร์ด V7 ที่นำไปสู่คอร์ดอื่นที่ไม่ใช่คอร์ด I:

1. V7/V (Five of Five)

– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด V

– ตัวอย่างในคีย์ C:

* D7 (V7) → G (V)

* ลำดับ: C → D7 → G7 → C

2. V7/ii

– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด ii

– ตัวอย่างในคีย์ C:

* A7 (V7) → Dm (ii)

* ลำดับ: C → A7 → Dm → G7

3. V7/vi

– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด vi

– ตัวอย่างในคีย์ C:

* E7 (V7) → Am (vi)

* ลำดับ: C → E7 → Am → G7

4. V7/IV

– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด IV

– ตัวอย่างในคีย์ C:

* C7 (V7) → F (IV)

10.Modal Interchange (การยืมคอร์ดจาก Mode อื่น)

Modal Interchange คือการยืมคอร์ดจาก Mode อื่นมาใช้ในคีย์หลัก:

1. ยืมคอร์ดจาก Parallel Minor

– ในคีย์ C Major สามารถยืมคอร์ดจาก C Minor:

* bVI (Ab) แทน vi (Am)

* bIII (Eb) แทน iii (Em)

* iv (Fm) แทน IV (F)

* bVII (Bb) แทน V7 (G7)

2. คอร์ดที่นิยมยืมมาใช้

– bVI – bVII – I

* ตัวอย่างในคีย์ C: Ab – Bb – C

– iv – V7 – I

* ตัวอย่างในคีย์ C: Fm – G7 – C

– i – IV – I

* ตัวอย่างในคีย์ C: Cm – F – C

3. การนำไปใช้

– ใช้สร้างความรู้สึกหม่น เศร้า

– เพิ่มสีสันให้คอร์ดโปรเกรสชัน

– สร้างความน่าสนใจในท่อนเชื่อม

11.การใช้ Circle of Fifths ในการทำเพลง

Circle of Fifths คือวงจรคอร์ดที่เรียงตามขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค:

1. ลำดับของ Circle of Fifths

– ตามเข็มนาฬิกา (เพิ่มช้าร์ป): C → G → D → A → E → B → F# → C#

– ทวนเข็มนาฬิกา (เพิ่มแฟลต): C → F → Bb → Eb → Ab → Db → Gb → Cb

2. การนำไปใช้ในการทำเพลง

– ii-V-I Progression

* ตัวอย่างในคีย์ C: Dm7 → G7 → C

* ตัวอย่างในคีย์ G: Am7 → D7 → G

3. การเชื่อมคอร์ดแบบ Circle Progression

– คีย์ C: Dm7 → G7 → CMaj7 → Fmaj7 → Bm7b5 → E7 → Am7

– สร้างความรู้สึกเคลื่อนที่และลื่นไหล

4. การหาคีย์ที่สัมพันธ์กัน

– คีย์ที่อยู่ติดกันใน Circle สามารถ Modulate ถึงกันได้ง่าย

– ใช้หาคอร์ดที่เข้ากันในการแต่งเพลง

12.การใช้ Modes (โหมด) ในการทำเพลง

Modes คือบันไดเสียงที่สร้างจากการเริ่มต้นที่โน้ตต่างๆ ใน Major Scale:

1. Ionian (Major Scale)

– เริ่มจากโน้ตที่ 1

– ตัวอย่างในคีย์ C: C D E F G A B C

– ให้ความรู้สึก: สดใส มั่นคง

2. Dorian

– เริ่มจากโน้ตที่ 2

– ตัวอย่างจาก C Major: D E F G A B C D

– ให้ความรู้สึก: เศร้าแต่มีความหวัง

3. Phrygian

– เริ่มจากโน้ตที่ 3

– ตัวอย่างจาก C Major: E F G A B C D E

– ให้ความรู้สึก: ลึกลับ ตะวันออก

4. Lydian

– เริ่มจากโน้ตที่ 4

– ตัวอย่างจาก C Major: F G A B C D E F

– ให้ความรู้สึก: สว่าง ล่องลอย

5. Mixolydian

– เริ่มจากโน้ตที่ 5

– ตัวอย่างจาก C Major: G A B C D E F G

– ให้ความรู้สึก: สนุก เป็นกันเอง

6. Aeolian (Natural Minor)

– เริ่มจากโน้ตที่ 6

– ตัวอย่างจาก C Major: A B C D E F G A

– ให้ความรู้สึก: เศร้า หม่นหมอง

7. Locrian

– เริ่มจากโน้ตที่ 7

– ตัวอย่างจาก C Major: B C D E F G A B

– ให้ความรู้สึก: ตึงเครียด ไม่มั่นคง

13.การใช้คอร์ด Suspended (Sus Chords)

คอร์ด Suspended คือคอร์ดที่แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยโน้ตอื่น:

1. Sus4 (Suspended 4th)

– แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยขั้นคู่ 4

– โครงสร้าง: 1-4-5

– ตัวอย่าง:

* Csus4: C-F-G

* Gsus4: G-C-D

2. Sus2 (Suspended 2nd)

– แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยขั้นคู่ 2

– โครงสร้าง: 1-2-5

– ตัวอย่าง:

* Csus2: C-D-G

* Gsus2: G-A-D

3. การนำไปใช้

– เป็นคอร์ดผ่าน (Passing Chord)

– สร้างความรู้สึกลอย ไม่จบ

– นิยมใช้สลับกับคอร์ดปกติ:

* C → Csus4 → C

* G → Gsus2 → G

4. Sus7 Chords

– ผสมระหว่าง Sus กับ 7th

– ตัวอย่าง:

* C7sus4: C-F-G-Bb

* G7sus4: G-C-D-F

14.การใช้คอร์ด Add (Added Tone Chords)

คอร์ด Add คือการเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ดพื้นฐานโดยไม่ต้องเรียงตามลำดับ:

1. Add9 Chords

– เพิ่มโน้ต 9 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน

– ต่างจาก 9th ตรงที่ไม่มีโน้ต 7

– ตัวอย่าง:

* Cadd9: C-E-G-D

* Gadd9: G-B-D-A

2. Add11 Chords

– เพิ่มโน้ต 11 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน

– ตัวอย่าง:

* Cadd11: C-E-G-F

* Gadd11: G-B-D-C

3. Add6 Chords

– เพิ่มโน้ต 6 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน

– ตัวอย่าง:

* Cadd6: C-E-G-A

* Gadd6: G-B-D-E

4. การนำไปใช้

– สร้างความหวาน นุ่มนวล

– เพิ่มสีสันให้คอร์ดโดยไม่เปลี่ยนฟังก์ชัน

– นิยมใช้ในเพลงป็อปและแจ๊ส

15.การใช้คอร์ด Slash Chords (คอร์ดสแลช)

Slash Chords คือคอร์ดที่มีโน้ตเบสต่างจากรูทโน้ต เขียนในรูปแบบ คอร์ด/เบส:

1. คอร์ดสแลชพื้นฐาน

– C/E: คอร์ด C แต่ใช้ E เป็นเบส (E-G-C)

– C/G: คอร์ด C แต่ใช้ G เป็นเบส (G-C-E)

– Am/C: คอร์ด Am แต่ใช้ C เป็นเบส (C-A-C-E)

2. การใช้งานทั่วไป

– สร้างการเคลื่อนที่ของเบส

– เชื่อมระหว่างคอร์ด

– ตัวอย่าง: C → C/B → Am → Am/G → F → F/E → Dm → G

3. คอร์ดสแลชที่นิยมใช้

– คอร์ดเมเจอร์: C/E, F/A, G/B

– คอร์ดไมเนอร์: Am/C, Em/G, Dm/F

– คอร์ดเซเวน: G7/B, D7/F#, C7/E

4. ประโยชน์

– ทำให้การเคลื่อนที่ของเบสราบรื่น

– สร้างความน่าสนใจให้คอร์ดโปรเกรสชัน

– เพิ่มมิติให้กับการประสานเสียง

16.การใช้ Altered Dominant Chords

Altered Dominant Chords คือการปรับเปลี่ยนโน้ตในคอร์ด Dominant 7 เพื่อสร้างความน่าสนใจ:

1. Altered Notes ที่นิยมใช้

– b9 (flat nine)

– #9 (sharp nine)

– b5 หรือ #11

– b13 หรือ #5

2. รูปแบบ Altered Dominant ที่นิยม

– 7(b9): G7(b9) = G-B-D-F-Ab

– 7(#9): G7(#9) = G-B-D-F-A#

– 7(b5): G7(b5) = G-B-Db-F

– 7(#5): G7(#5) = G-B-D#-F

– 7(b9,b13): G7(b9,b13) = G-B-D-F-Ab-Eb

3. การนำไปใช้

– ใช้แทน V7 ปกติเพื่อเพิ่มความตึงเครียด

– นิยมในเพลงแจ๊สและฟิวชัน

– สร้างความรู้สึกไม่คาดคิด ก่อนจบประโยค

4. ตัวอย่างการใช้งาน

– ii-V7alt-I: Dm7-G7(b9,b13)-CM

17.การใช้ Polychords (การซ้อนคอร์ด)

1. ความหมาย:

– การนำคอร์ดตั้งแต่ 2 คอร์ดขึ้นไปมาซ้อนกัน

– เขียนด้วยเครื่องหมาย | ระหว่างคอร์ด เช่น E|C

2. การนำไปใช้:

– ใช้ในการ Voicing แบบแจ๊ส

– สร้างความซับซ้อนทางเสียง

– ใช้ในการ Reharmonization

– สร้าง Tension และ Resolution

3. ตัวอย่างที่นิยม:

– Maj/Dom7: CMaj|G7

– Dom7/Dom7: G7|Db7 (Tritone)

– Maj/min: C|Am

– Sus/Triad: Gsus4|C

4. เทคนิคการเล่น:

– วางคอร์ดให้มีระยะห่างที่เหมาะสม

– ควบคุม Voice Leading

– ระวังการซ้ำของโน้ต

– สร้างความสมดุลระหว่างคอร์ด

18.Tension and Resolution

1. การสร้าง Tension ด้วยคอร์ด

– ใช้คอร์ดที่มี Tension Notes

ตัวอย่าง:

– Dm7(b5) → G7(b9) → CMaj7

– Am7 → D7(#9) → GMaj7

2. การสร้าง Tension ด้วยการเคลื่อนที่ของคอร์ด

– ใช้ Secondary Dominant

ตัวอย่าง:

– C → E7 → Am → A7 → Dm → G7 → C

– C → C7 → F → Fm → C

3. การสร้าง Tension ด้วย Voice Leading

– เคลื่อนที่จากคอร์ดหนึ่งไปอีกคอร์ดอย่างราบรื่น

ตัวอย่าง:

– CMaj7 → Am9 → Dm11 → G13 → CMaj7

– Em7 → A13 → DMaj9 → G7alt → CMaj7

19.การใช้ Chromatic Approach Chords

Chromatic Approach Chords คือการใช้คอร์ดที่อยู่ห่างกันครึ่งเสียงเพื่อเข้าสู่คอร์ดเป้าหมาย:

1. วิธีการใช้งานพื้นฐาน

– Approach จากด้านบน (ครึ่งเสียงลง)

– Approach จากด้านล่าง (ครึ่งเสียงขึ้น)

– Double Approach (ทั้งบนและล่าง)

2. รูปแบบที่นิยม

– ใช้ dim7 เป็นตัว Approach

– ใช้ dom7 เป็นตัว Approach

– ใช้ m7b5 เป็นตัว Approach

3. ตัวอย่างการใช้งาน

– C → Dbdim7 → Dm7

– Cmaj7 → B7 → Bbm7

– Dm7 → Ebm7 → Em7

4. เทคนิคพิเศษ

– การใช้ Chromatic Line Bass

– การใช้ Chromatic Inner Voice

– การสร้าง Walking Bass Line

20.การใช้ Reharmonization Techniques

Reharmonization คือการปรับเปลี่ยนคอร์ดโปรเกรสชันเดิมให้น่าสนใจขึ้น:

1. เทคนิคพื้นฐาน

– การเพิ่มคอร์ดผ่าน (Passing Chords)

– การแทนที่คอร์ด (Chord Substitution)

– การเพิ่มคอร์ดรอง (Secondary Chords)

– การใช้ Tritone Substitution

2. วิธีการ Reharmonize

– เปลี่ยนคอร์ดแต่คงเมโลดี้เดิม

– เพิ่มการเคลื่อนที่ของเบส

– ใช้คอร์ดที่ซับซ้อนขึ้น

– สร้างการเคลื่อนที่ของ Voice Leading

3. ตัวอย่างการ Reharmonize

จากคอร์ดพื้นฐาน: C – Am – F – G7

เป็น: CMaj9 – Am11 – F6/9 – G13b9

4. การประยุกต์ใช้

– ปรับเพลงป็อปให้เป็นแจ๊ส

– สร้างความน่าสนใจในท่อนเชื่อม

– เพิ่มความซับซ้อนในการประสานเสียง