Share

6 เทคนิค EQ Boost หรือ Cut Frequencies? ที่คุณห้ามพลาด

04/08/2018

1) รู้จักEQ

6 EQ Tips: Boost or Cut the Frequencies?

EQ มีตัวควบคุมหลักอยู่สามตัว ซึ่งก็คือ Frequency, Gain, Q ตัว Frequency
ควบคุมย่านความถี่ที่คุณต้องการปรับ ระยะการได้ยินของคนจะอยู่ที่
20 Hz ถึง 20 kHz, Parametric EQ มีรูปร่างของ EQ Shapes
ให้คุณเลือกใช้ได้กับย่านความถี่อย่าง bells, shelves และ
high-pass หรือ low-pass Gain จะควบคุมว่าย่านความถี่นั้นจะถูกเพิ่ม
หรือลดมากแค่ไหนส่วน Q นั้นหมายถึง Quality และจะควบคุมรูปร่าง
ของ EQ Curve ยิ่งค่า Q ยิ่งต่ำ ก็จะยิ่งมีระยะที่มีผลกระทบกับย่านความถี่ข้างเคียงที่กว้างขึ้น ในทางกลับกัน ยิ่งค่า Q ยิ่งสูง จะมีผลกระทบกับระยะย่านความถี่ที่แคบลง

2) ชนิดของ EQ

Q10 Paragraphic Equalizer

PuigTec MEQ5 Equalizer

Parametric EQ สามารถควบคุมได้ทั้ง Frequency, Gain, Q. สําหรับตัว Semi-Parametric EQs อย่างเช่นตัว API 550 หรือ 560 หรือ PuigTec EQs จะใช้ย่านความถี่ที่ถูก fixed มาอยู่เเล้ว ซึ่งหมายถึงคุณสามารถ boost หรือ cut ย่านความถี่บางตัวที่ถูกกําหนดมาใว้อยู่เเล้ว ในทางกลับกัน สําหรับตัว Q10 หรือ F6 Equalizer สามารถให้คุณควบคุม ย่านความถี่ ได้อย่างเต็มที่

 

3) จะ Boost หรือ Cut

จากการที่คุณเข้าไปฟังเเละไปเเก้เสียงต่างๆ ใน mix ของคุณเเล้ว มันจะมีจังหวะที่คุณจะต้องตัดสินใจในการเข้าไปปรับ EQ ของคุณไม่ว่าจะเป็นการ boosting หรือ cutting เพื่อที่จะให้เสียงโทนออกมาได้อย่างดีที่สุด ,  Engineer บางคนอาจจะสอนคุณว่าการที่ใช้ Subtractive EQ จะทําให้ mix ของคุณออกมาได้ดี เนื่องจากมันจะไม่ปล่อยให้พลังงานของเสียงไปเกิดขึ้นมาในที่ที่เราไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น

มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเสมอไปหรอก สมมุติว่าเสียงกีต้าร์กำลังกลบเสียงร้องอยู่ คุณก็คงอยากจะตัดเสียงของย่านความถี่ของกีต้าร์นั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเพิ่มเสียงให้กับย่านความถี่ในช่วง Upper-mid ก็จะเพิ่มความชัดเจนให้เสียง และเพิ่มความชัดเจนให้กับคู่ มันก็แค่มีหลายวิธีที่จะแก้ปัญหา

ในหลายกรณีที่การตัดสินใจในการใช้ Subtractive vs Additive EQ ย่อยลงมาเหลืออยู่เเค่สิ่งเดียว นั้นก็คือ : ย่านความถี่ มันมากไป หรือ น้อยไป ?

ถ้า Kick มี Low-end ที่มากเกินไปมันก็จะฟังดู Boomy (ย่านความถี่ 100-150 Hz) มากเกินไป แต่ถ้าน้อยเกินไปก็จะฟังดูบาง ถ้า Low-mid กำลังดี ก็จะมีความอุ่น แต่มากเกินไปก็จะดู ทึบ

Equalizers เหมาะที่จะใช้เพื่อทําให้สัญญาณนั้นเกิดความสมดุล เวลามีย่านความถี่ที่มากไปหรือน้อยไป จุดที่ยากก็ตรงที่จะเเยกเเยะว่าย่านความถี่ไหนที่กําลังสร้างปัญหาอยู่

ในคลิปวีดิโอข้างล่างนี้ Dave Darlington จะใช้ทั้ง Additive กับ Subtractive EQ เพื่อที่จะปรับให้เข้ากับเสียงนักร้องนําให้ชัดขึ้น เเละ cut ตัว mix ที่ค่อนข้างมีความหนาด้วยการใช้ Manny Marroquin EQ:

 

4) เลือก EQ ที่สามารถ Sweep ได้

เวลาที่คุณกําลังเริ่มต้นเเรกๆ มันจะค่อนข้างยากในการที่คุณจะสามารถจับได้ว่าย่านความถี่ไหนที่กําลังก่อปัญหาอยู่ คุณอาจจะบอกว่าเสียง bass มันค่อนข้าง muddy (ย่านความถี่ 200-300 hz) ไปหน่อย หรือเสียง vocal อาจจะฟังดูเเรงไปหน่อย เเต่การที่จะหาย่านความถี่ที่ที่กําลังก่อปัญหาจริงๆว่ามันมาจากไหนคงเป็นเรื่องที่ยากมาก

ในขณะที่ไม่มีอะไรที่จะมาสามารถทดเเทนการฝึกหูในการฟังของเราเเบบสไตล์ Old School เเล้ว เท็คนิค Sweeping (หมุนหาย่านความถี่) ถือว่าเป็นเท็คนิคที่ใช้กันเยอะมากในการเเก้ไขปัญหาของย่านความถี่ต่างๆที่เกิดขึ้น เเม้กระทั่ง Sound Engineer ระดับ Professional ก็ยังใช้กัน

➡ เริ่มต้นด้วยการเลือก band เเละเพิ่ม Q เพื่อที่จะสร้าง Narrow peak

➡ หลังจากนั้นก็ให้เพิ่ม boost เเละค่อยๆ sweep ไปตามย่านความถี่ เพื่อที่จะให้เกิด Resonant Peak ที่จะสามารถช่วยในเรื่องการจับปัญหาย่านความถี่ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่คุณกําลัง slide ไปตามย่านความถี่ คุณจะเริ่มรู้สึกเเละสังเกตุได้ว่ามันมีย่านความถี่ที่ดังกว่าตัวอื่นๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เเล้วนั้นเเหละครับ ตัวปัญหาใน mix ของคุณ หลังจากที่คุณได้พบเจอกับย่านความถี่ที่มันสะดุดหูมากกว่าชาวบ้านเเล้ว ให้คุณปรับค่า Q เเละลดความถี่ที่เป็นตัวสร้างปัญหาให้น้อยลงตามความชอบของคุณเอง

 

5) Cut แคบๆ และ Boost กว้างๆ

ซาวด์เอนจิเนียร์ หลายคนนิยมใช้ค่า Q ที่แคบๆเพราะสามารถจัดการกับปัญหาเฉพาะจุดได้ แต่การ Boost ด้วยค่า Q ที่แคบอาจจะเกิดเสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซาวด์เอนจิเนียร์ส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยกับการที่ใช้ค่า Q ต่ำๆ ในการ Boost เพื่อให้ Sound ที่เป็นธรรมชาติ และค่า Q ที่แคบ(สูง)ในการ Cut เพื่อขจัดปัญหา เพราะถ้ายิ่งใช้ค่า Q ที่กว้าง(ต่ำ) จะมีผลทำให้เสียงกลวงมากขึ้น

 

6) พยายามอย่าปรับ EQ ใน Solo

ถึงเเม้ว่าคุณอาจจะอยากจะที่จะ Solo Channel ของคุณเพื่อที่จะได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นก่อนที่จะเข้าไปปรับ EQ มากเเค่ไหนก็ตาม จงอย่าพึ่งทํามัน !!

คุณต้องเเน่ใจก่อนว่า track ของคุณทุกอันกําลังทํางานด้วยกันอย่างสมบูรณ์เเบบ เเละลองให้ mixing โดยที่ไม่ต้อง solo ดูก่อน เพราะนี่จะช่วยให้การตัดสินใจของคุณได้ดีขึ้น เเละรู้ว่าเเท้จริงเเล้ว ควรจะ EQ ที่ track ไหนใน mix ของคุณ

ถึงอย่างไรก็ตามเเล้ว มันไม่วีธีที่ถูกหรือผิดหรอกในการที่จะกําหนด  EQ : มันอยู่ที่การที่เราทําให้สัญญาณได้มีเสียงที่ถูกต้องมากที่สุดเท่าที่จะทําได้ เเละเเม้ว่าคุณจะใช้ subtractive หรือ additive EQ หรือ การผสมผสานของทั้งคู่ สิ่งที่สําคัญที่สุดเลยก็คือคุณกําลังทําเพื่อเพลงอยู่ในจุดที่ถูกต้องเเละออกมาดี (เเละพยายามให้ค่า output level ของคุณอยู่ในระดับที่ถูกต้องอยู่ตลอดเวลา)

 

ดู Link ต้นฉบับ

————————–————-

 ติดตามข่าวสารได้ที่
 Line ID : @Mrarranger (มี@ข้างหน้า)
https://line.me/R/ti/p/%40mrarranger

รับผลิตเพลงทุกรูปแบบ
 094-5653266, 0914428924, 096-1926592