Share

How to Choose an Audio Interface For Beginners (2024)

24/08/2024

สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมขอเริ่มต้นพูดถึง Audio Interface อุปกรณ์ที่ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้สมบูรณ์แบบ มือใหม่ห้ามพลาด!

Audio Interface
How to Choose an Audio Interface for Beginners: Complete Guide 2024

Audio Interface คืออะไร?

audio interface (อินเทอร์เฟซเสียง) คือ อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใครก็ตามที่ต้องการสร้างงานเสียงให้มีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะการทำเพลง บันทึกเสียงพอดแคสต์ หรือกระขายเสียงก็ตาม เจ้าตัวนี้แหละจะเป็นตัวกลางที่จะเชื่อมต่อระหว่างเครื่องดนตรีหรือไมโครโฟนของเราเข้ากับคอมพิวเตอร์ โดยทำการแปลงสัญญาณเสียงแอนะล็อกเป็นข้อมูลดิจิทัล และก็แปลงกลับได้ด้วยนะ ส่วนกระบวนการแปลงสัญญาณนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการจับเสียงคุณภาพสูงที่สามานำมาตัดต่อ มิกซ์ และมาสเตอร์ได้ใน Digital Audio Workstation (DAW) หรือเรียกอีกอย่างว่าโปรแกรมทำเพลงนั้นแหละ

“นึกภาพตามนะถ้าเราไม่มีเจ้าสิ่งนี้ เราก็จะยังมีซาวการ์ดเสียงที่ติดมากับคอม จริงๆแล้วมันก็ดีแหละ”

ดีอยู่ไม่แย่ | แต่เป้าหมายเรายิ่งใหญ่กว่านั้น

type audio interface
รูปภาพแสดงลักษณะของการแยกประเภทอินเตอร์เฟส

ประเภทของ audio interface มีกี่แบบ?

audio interface มีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบตอบโจทย์ความต้องการและรสนิยมที่แตกต่างกัน ซึ่งประเภทที่พบได้บ่อยแน่ๆก็จะมีอยู่ 4 แบบหลักขอใช้คำว่านิยมใช้ดีกว่า:

  • อินเทอร์เฟซเสียง USB: เป็นที่นิยมมากที่สุดเนื่องจากน้องมีความหลากหลายและใช้งานง่าย มีความเข้ากันได้กับคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ และให้ความสมดุลระหว่างคุณภาพกับความสะดวกสบาย ทำให้เหมาะสำหรับสตูดิโอในบ้านและงานที่ต้องเคลื่อนย้ายได้
  • อินเทอร์เฟซเสียง Thunderbolt: มีชื่อเสียงในเรื่องการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงและความหน่วงที่ต่ำมาก นักมืออาชีพจึงชื่นชอบอินเทอร์เฟซเหล่านี้โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการบันทึกเสียงขั้นสูง
  • อินเทอร์เฟซเสียง FireWire: แม้ปัจจุบันจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่ในอดีตอินเทอร์เฟซ Firewire เคยเป็นมาตรฐานสำหรับการส่งผ่านข้อมูลความเร็วสูง และยังมีใช้งานอยู่ในสตูดิโอมืออาชีพบางแห่ง
  • อินเทอร์เฟซเสียง PCIe: ติดตั้งเข้ากับช่อง PCIe ของคอมพิวเตอร์โดยตรง เสนอประสิทธิภาพระดับสูงสุด เหมาะสำหรับสตูดิโอมืออาชีพที่ต้องการความหน่วงต่ำและเสถียรภาพสูง

เราควรจะเลือกซื้อแบบไหนดี?

มาถึงตรงนี้แล้วทุกคนน่าจะอยากรู้แล้วหล่ะว่าเราจะเลือก audio interface แบบไหนเพราะราคามันไม่น่ารักเลย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาคุณสมบัติหลักๆที่จะกำหนดความเหมาะสมตามความต้องการของเรา แต่ต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้ผมเพิ่งมาเรียนรู้หลังจากที่ ตัดสินใจซื้อตัวแลกไปแล้ว ส่วนวิธีการใช้ของผมง่ายกว่าวิธีเหล่านี้เยอะ ผมเลือกจาก “หน้าตามันสวย” 5555 แค่นั้นเลยซึ่งมันผิดไหมผมว่าก็ไม่นะ แค่พอมันเริ่มศึกษาแล้วไปนึกตาม มันก็จริงที่จะเกิดปัญหาต่างๆตามมาดังนั้น มือใหม่ทุกท่านครับลองพิจารณาจากหัวข้อเหล่านี้ดูนะ:

  • จำนวนอินพุต/เอาต์พุต: ยิ่งมีอินพุตและเอาต์พุตมากเท่าไหร่ อินเทอร์เฟซก็จะยิ่งมีประโยชน์ใช้สอยได้หลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญหากเราวางแผนที่จะบันทึกเสียงดนตรีหลายชิ้นหรือไมโครโฟนหลายตัวพร้อมกัน
  • บิตเดปท์และอัตราสุ่มตัวอย่าง: บิตเดปท์และอัตราสุ่มตัวอย่างที่สูงขึ้นให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า สำหรับงานมืออาชีพส่วนใหญ่ แนะนำให้ใช้บิตเดปท์ 24 บิตและอัตราสุ่มตัวอย่าง 48 กิโลเฮิร์ตซ์ขึ้นไป
  • ตัวเลือกการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอินเทอร์เฟซมีพอร์ตที่จำเป็น เช่น USB, Thunderbolt หรือ XLR เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณทั้งหมด
  • ความสามารถในการตรวจสอบความหน่วงและมอนิเตอร์: ความหน่วงต่ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ระหว่างการบันทึก ควรเลือกอินเทอร์เฟซที่มีคุณสมบัติการมอนิเตอร์โดยตรงเพื่อลดปัญหาความหน่วง

หลักการทำงานของ audio interface

เมื่อเราพิจารณาและกำหนดได้แล้วว่า เจ้าน้องคนนี้มีเสป็คแบบไหนก่อนที่เราจะควักบัตร จ่ายนั้นเราต้องแวะมาเรียนรู้การทำงานของน้องกันก่อนมันจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมและนำไปใช้งานต่อยอดได้ดียิ่งขึ้น:

  • Analog-to-Digital Conversion (ADC): เมื่อเราบันทึกเสียง สัญญาณแอนะล็อกจากไมโครโฟนหรือเครื่องดนตรีจะถูกแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัลที่คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ กระบวนการแปลงนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ ADC ในอินเทอร์เฟซเสียง
  • Digital-to-Analog Conversion (DAC): หลังจากประมวลผลเสียงเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องแปลงกลับเป็นสัญญาณแอนะล็อกอีกครั้งเพื่อเล่นผ่านลำโพงหรือหูฟัง ซึ่ง DAC จะเป็นตัวจัดการในขั้นตอนนี้
  • การประมวลผลสัญญาณและการกำหนดเส้นทาง: อินเทอร์เฟซเสียงยังทำหน้าที่จัดการเส้นทางสัญญาณไปและกลับจาก DAW โดยช่วยให้มีการตั้งค่าที่ซับซ้อนซึ่งสัญญาณต่างๆ ถูกประมวลผลและส่งไปยังเอาต์พุตหลากหลาย

ประโยชน์ของการใช้ออดิโออินเตอร์เฟส

เราอาจจะลืมเสียงที่เคยได้ยินผ่านของเดิมติดเครื่องไปเลยก็ได้ บางคนถึงขั้นไม่ชอบเสียงที่ตัวเองเคยชอบมาก่อนหน้าเลย มันคือขุมพลังที่ถูกเก็บซ่อนไว้ดังนั้น …. ยังครับก่อนที่ผมจะไปแนะนำว่าตัวไหนดีมันยังประโยชน์มากกว่านั้นผมจะยกตัวอย่างที่ทุกคน น่าจะนึกภาพตามออก:

  • คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น: อินเทอร์เฟซเสียงให้เสียงที่ชัดเจนและมีรายละเอียดมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานด้านเสียงระดับมืออาชีพจริงๆนะ
  • ตัวเลือกอินพุต/เอาต์พุตที่เพิ่มขึ้น: ด้วยอินพุตและเอาต์พุตที่มากขึ้น เราจึงสามารถต่อไมโครโฟน เครื่องดนตรี และอุปกรณ์อื่นๆ ได้มากกว่า ทำให้สามารถตั้งค่าการบันทึกที่ซับซ้อนได้แต่ต้องศึกษาเพิ่มหน่อย
  • การมอนิเตอร์แบบหน่วงต่ำ: อินเทอร์เฟซถูกออกแบบมาเพื่อลดความหน่วงซึ่งเป็นช่วงเวลาระหว่างสิ่งที่คุณเล่นกับสิ่งที่คุณได้ยิน สิ่งนี้มีความสำคัญต่อการบันทึกและมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ ฟินสุดๆ
  • การทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์เสียงระดับมืออาชีพได้อย่างราบรื่น: อินเทอร์เฟซเสียงส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ DAW และซอฟต์แวร์ผลิตเสียงอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้กระบวนการทำงานไร้รอยต่อ ทอเต็มผืนเลยแหละ 55555

แบรนด์ยอดนิยมของออดิโออินเตอร์เฟส

ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่สามารถระบุรุ่นได้เพราะผมไม่รู้ว่าเสปคของแต่ละคนมีความต้องการแบบไหนดังนั้นผมจะของหยิบยกตัวอย่างที่เป็นที่นิยมมาให้ใช้พิจารณานะ ซึ่งแต่ละแบรนก็จะมีหลายรุ่นและหลายราคา:

IMG_Interface_Focusrite

Focusrite: มีชื่อเสียงจากซีรีส์ Scarlett อินเทอร์เฟซ Focusrite ได้รับความนิยมด้วยคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมและราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ

IMG_Interface_PerSonus

PreSonus: PreSonus เสนออินเทอร์เฟซหลากหลายรุ่นที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพการสร้างและการทำงานร่วมกับ Studio One DAW ของบริษัท

IMG_Interface_UAD

Universal Audio: มีชื่อเสียงจากซีรีส์ Apollo อินเทอร์เฟซ Universal Audio เป็นตัวเลือกระดับสูงสุดและมาพร้อมกับ DSP ในตัวสำหรับการใช้ปลั๊กอินคุณภาพสูงโดยไม่ต้องพึ่งพาพลังประมวลผลจากคอมพิวเตอร์

IMG_Interface_Steinberg

Steinberg: อินเทอร์เฟซซีรีส์ UR ของ Steinberg ได้รับการชื่นชมในความทนทานและการมีเอฟเฟ็กต์ที่ขับเคลื่อนด้วย DSP ซึ่งสามารถใช้ได้โดยไม่เกิดความหน่วง

IMG_Interface_M-Audio

M-Audio: อินเทอร์เฟซ M-Audio มีราคาไม่แพงและใช้งานง่าย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตเพลง

การเลือก audio interface ที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่าทำไมหัวข้อมันวนกลับมาเรื่องเดิม แสดงว่าคุณไม่ใช่มือใหม่ป้ายแดง หรือว่ามีแค่เราคนเดียวที่ยังสงสัยไม่เลิกตอนก่อนที่จะซื้อ ว่าแล้วแบบไหนมันเหมาะกับเรา งั้นไปดูกัน:

  • โฮมสตูดิโอ vs สตูดิโอมืออาชีพ: สำหรับโฮมสตูดิโอ อินเทอร์เฟซ USB ที่มีอินพุตสองสามช่องอาจเพียงพอแล้ว ในขณะที่สตูดิโอมืออาชีพอาจต้องการอินเทอร์เฟซที่มีอินพุตหลายช่อง ตัวแปลงสัญญาณระดับไฮเอนด์ และคุณสมบัติขั้นสูงอย่างเช่น DSP
  • ข้อพิจารณาด้านงบประมาณ: แม้จะน่าดึงดูดใจที่จะเลือกรุ่นที่แพงที่สุด แต่ก็มีตัวเลือกราคาไม่แพงมากมายที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมและมีคุณสมบัติครบครัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหาจุดสมดุลระหว่างราคาและการใช้งาน
  • ความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ DAW: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอินเทอร์เฟซที่คุณเลือกนั้นเข้ากันได้กับ DAW ที่คุณชื่นชอบ อินเทอร์เฟซบางรุ่นมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ DAW ซึ่งอาจเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น

การติดตั้งออดิโออินเตอร์เฟส

การติดตั้งอินเทอร์เฟซเสียงมักจะตรงไปตรงมาไม่ค่อยวุ่นวายเสียบสายเข้ากับพอร์ตที่เรามี แต่มีขั้นตอนบางอย่างเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพที่ดีที่สุด:

  1. การติดตั้งและการตั้งค่าไดร์เวอร์: อินเทอร์เฟซเสียงส่วนใหญ่ต้องการไดร์เวอร์เฉพาะที่ต้องติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งไดร์เวอร์เหล่านี้มักจะมีให้ดาวน์โหลดบนเว็บไซต์ของผู้ผลิต
  2. การกำหนดค่าอินพุตและเอาต์พุต: เมื่อติดตั้งแล้ว กำหนดค่า DAW ให้ตรวจพบอินเทอร์เฟซ จัดเรียงอินพุตและเอาต์พุตให้สอดคล้องกับความต้องการในการบันทึกของคุณ
  3. การทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์บันทึกเสียง: ในที่สุด ผสานการทำงานของอินเทอร์เฟซเสียงเข้ากับ DAW ของคุณ ซึ่งโดยทั่วไปจะรวมถึงการเลือกอินเทอร์เฟซเป็นอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตเสียงภายในการตั้งค่าซอฟต์แวร์

การแก้ปัญหาที่พบบ่อย

เชื่อผมแม้แต่อินเทอร์เฟซเสียงที่ดีที่สุดก็ยังอาจพบปัญหาได้ และนี่คือปัญหาทั่วไปที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข:

  • ไม่มีเสียงหรือคุณภาพเสียงไม่ดี: ตรวจสอบการเชื่อมต่อ ตรวจสอบว่าเลือกอินพุต/เอาต์พุตที่ถูกต้องใน DAW และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไดร์เวอร์อินเทอร์เฟซเป็นเวอร์ชันล่าสุด
  • ปัญหาความหน่วง: ลดขนาดบัฟเฟอร์ลงในการตั้งค่า DAW ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณได้รับการปรับแต่งสำหรับการทำงานด้านเสียง และใช้คุณสมบัติการมอนิเตอร์โดยตรงบนอินเทอร์เฟซของคุณ
  • ปัญหาการเชื่อมต่อ: หากคอมพิวเตอร์ไม่รู้จักอินเทอร์เฟซของคุณ ให้ลองใช้สายหรือพอร์ตอื่น ติดตั้งไดรเวอร์ใหม่ หรือตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์จากผู้ผลิต

คุณสมบัติขั้นสูงใน High-end audio interface

ออดิโออินเตอร์เฟสระดับไฮเอนด์มีคุณลักษณะขั้นสูงที่หลากหลาย ซึ่งสามารถเพิ่มศักยภาพในการบันทึกและมิกซ์ได้อย่างมาก:

  • DSP (ดิจิทัลซิกนอลโปรเซสเซอร์) ในตัว: อินเทอร์เฟซบางรุ่นมี DSP ในตัวสำหรับการใช้งานเอฟเฟ็กต์และปลั๊กอินโดยไม่ต้องใช้ CPU ของคอมพิวเตอร์ ช่วยให้สามารถมิกซ์ที่ซับซ้อนและมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์พร้อมเอฟเฟ็กต์ได้
  • Virtual Loopback: คุณลักษณะนี้ช่วยให้คุณจับเสียงจากภายในคอมพิวเตอร์ (เช่นจากวิดีโอหรือบริการสตรีมมิ่ง) ได้โดยตรงเข้าสู่ DAW ซึ่งมีประโยชน์สำหรับพอดแคสเตอร์และสตรีมเมอร์
  • เอาต์พุตหูฟังหลายช่อง: อินเทอร์เฟซระดับไฮเอนด์มักจะมีเอาต์พุตหูฟังหลายช่องพร้อมปุ่มควบคุมระดับเสียงแยกกัน ซึ่งเหมาะสำหรับการบันทึกเสียงแบบทำงานร่วมกัน

ออดิโออินเตอร์เฟส สำหรับพอดแคสติ้งและสตรีมมิ่ง

พอดแคสเตอร์และสตรีมเมอร์มีความต้องการเฉพาะเมื่อพูดถึงออดิโออินเตอร์เฟส:

  • คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับพอดแคสเตอร์: มองหาอินเทอร์เฟซที่มีพรีแอมป์คุณภาพสูง อินพุตหลายช่อง (หากคุณต้องการเชิญแขกรับเชิญ) และการควบคุมที่ใช้งานง่าย
  • รุ่นที่ดีที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่ง: สตรีมเมอร์ได้ประโยชน์จากอินเทอร์เฟซที่มีความหน่วงต่ำ ฟังก์ชันเทคโนโลยี loopback และความสามารถในการจัดการแหล่งข้อมูลเสียงหลายแหล่งพร้อมๆ กัน
  • เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพเสียง: ใช้ไมโครโฟนคุณภาพดี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมในการบันทึกเสียงของคุณเงียบสงบ และปรับการตั้งค่าอินเทอร์เฟซเพื่อลดสัญญาณรบกวนและการผิดเพี้ยน

ออดิโออินเตอร์เฟส สำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์

นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ต้องการ อินเทอร์เฟซเสียง ที่สามารถจัดการกับเครื่องดนตรีและสถานการณ์การบันทึกเสียงที่หลากหลายมาถึงตรงนี้ก็นึกออกว่าสุดท้ายแล้วมันขึ้นอยู่กับความต้องการและรสนิยมของแต่ละคนเลยครับ ไม่มีค่ายไหนทำออกมาไม่ดี:

  • การบันทึกเครื่องดนตรีและเสียงร้อง: มองหาอินเทอร์เฟซที่มีจำนวนอินพุตเพียงพอ พรีแอมป์คุณภาพสูง และความสามารถในการบันทึกด้วยบิตเดปท์และอัตราสุ่มตัวอย่างสูง
  • ความสามารถในการใช้ MIDI: หากคุณใช้อุปกรณ์ MIDI ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอินเทอร์เฟซของคุณรองรับการเชื่อมต่อ MIDI อินเทอร์เฟซบางตัวมีพอร์ต MIDI ในตัว ในขณะที่บางรุ่นอาจต้องใช้อินเทอร์เฟซ MIDI เพิ่มเติม
  • การบันทึกมัลติแทร็คและการทับเสียง: สำหรับการผลิตที่ซับซ้อนขึ้น จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เฟซที่มีอินพุตและเอาต์พุตหลายช่อง ซึ่งช่วยให้สามารถบันทึกหลายแทร็กพร้อมกันและทับเสียงด้วยความหน่วงต่ำสุด

แนวโน้มในอนาคตของ ออดิโออินเตอร์เฟส

โลกของ ออดิโออินเตอร์เฟส มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าน่าจะมีแนวโน้มหลายประการที่กำลังกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีนี้:

  • การผสานรวมของ AI ในการประมวลผลเสียง: AI เริ่มมีบทบาทในการประมวลผลเสียง โดยอินเทอร์เฟซบางรุ่นมีคุณสมบัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น การมิกซ์และมาสเตอริงอัตโนมัติ
  • อินเทอร์เฟซเสียงแบบไร้สาย: เมื่อเทคโนโลยีไร้สายพัฒนาขึ้น อินเทอร์เฟซจำนวนมากขึ้นจะเสนอการเชื่อมต่อแบบไร้สาย เพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับการบันทึกเสียงนอกสถานที่และระยะไกล
  • ความสามารถในการพกพาและใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น: ด้วยการเติบโตของการผลิตเพลงแบบพกพา อินเทอร์เฟซกำลังมีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และใช้งานได้หลากหลายขึ้น ทำให้สะดวกในการพกพาติดตัว

การเปรียบเทียบ ออดิโออินเตอร์เฟส ตามช่วงราคา

อย่างที่ผมได้บอกไว้ก่อนหน้าแล้วว่าผมไม่สามารถให้คำแนะนำที่ตรงรุ่นผ่าน บทความนี้ได้ดังนั้นผมขอยกตัวอย่างจากโดยรวมแทนนะครับ ซึ่งมีจำหน่ายในหลากหลายระดับราคา แต่ละระดับมีคุณสมบัติและระดับคุณภาพที่แตกต่างกัน:

  • ตัวเลือกระดับเริ่มต้น: อินเทอร์เฟซราคาประหยัด เช่น Focusrite Scarlett 2i2 หรือ PreSonus AudioBox USB 96 มอบคุณภาพเสียงที่ดีและคุณสมบัติพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ตัวเลือกระดับกลาง: อินเทอร์เฟซระดับกลางอย่าง Universal Audio Volt หรือ Audient iD14 MkII มอบคุณภาพการผลิตที่ดีขึ้น มีอินพุต/เอาต์พุตจำนวนมากขึ้น และคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างเช่น DSP
  • อินเทอร์เฟซระดับมืออาชีพไฮเอนด์: รุ่นระดับสูงอย่าง Universal Audio Apollo Twin X or RME Babyface Pro FS มอบประสิทธิภาพระดับท็อป โดยมาพร้อมคุณสมบัติขั้นสูง เช่น ความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ DSP ในตัว และคุณภาพเสียงเหนือชั้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ออดิโออินเตอร์เฟส

  1. ออดิโออินเตอร์เฟสคืออะไร? อินเทอร์เฟซเสียงเป็นอุปกรณ์ที่แปลงสัญญาณเสียงแอนะล็อกเป็นข้อมูลดิจิทัลสำหรับการบันทึกและเล่นกลับบนคอมพิวเตอร์
  2. ฉันจำเป็นต้องใช้ออดิโออินเตอร์เฟสหรือไม่? หากคุณต้องการผลิตเพลง บันทึกพอดแคสต์ หรือทำงานด้านเสียงอย่างมืออาชีพ อินเทอร์เฟซเสียงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณภาพเสียงระดับสูง
  3. ฉันจะเลือกออดิโออินเตอร์เฟสที่เหมาะสมได้อย่างไร? พิจารณาความต้องการของคุณ เช่น จำนวนอินพุต/เอาต์พุต ประเภทการเชื่อมต่อ (USB, Thunderbolt) และงบประมาณของคุณ
  4. ฉันสามารถใช้ออดิโออินเตอร์เฟสได้มากกว่าหนึ่งตัวหรือไม่? ได้ แต่ขึ้นอยู่กับ DAW และการตั้งค่าระบบของคุณ ระบบบางระบบอนุญาตให้ใช้อินเทอร์เฟซหลายตัวพร้อมกัน
  5. ฉันจะลดความหน่วงของออดิโออินเตอร์เฟสได้อย่างไร? ใช้อินเทอร์เฟซที่มีไดรเวอร์หน่วงต่ำ ปรับแต่งคอมพิวเตอร์ของคุณสำหรับการผลิตเสียง และปรับการตั้งค่าบัฟเฟอร์ใน DAW
  6. อะไรคือความแตกต่างระหว่างออดิโออินเตอร์เฟสและซาวด์การ์ด? ซาวด์การ์ดเป็นอินเทอร์เฟซเสียงพื้นฐานในตัวคอมพิวเตอร์ แต่อินเทอร์เฟซเสียงภายนอกมอบคุณภาพเสียงที่เหนือกว่าและมีคุณสมบัติมากกว่า

เรื่องจริงจากประสบการณ์

ผมเคยพยาามที่จะอัดเพลงครั้งแรกโดยใช้แค่ไมค์ต่อตรงเข้าคอม เสียงออกมา… เอ่อ… ไม่น่าฟังเท่าไหร่ ?และตัดสินใจซื้อ ลำโพงก่อนที่จะมีออดิโออินเตอร์เฟส อีกนะ เหตุผลอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นเลยครับ ผมเลือกเพราะหน้าตามันสวย ฮ่าๆ ยังตื่นเต้นอยู่เพราะลำโพงดีมากๆ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจซื้อ audio interfacel สักตัวเลยเลือก UAD Volt1 มาโหยยยยย โลกเปลี่ยนทำเอากลับไปฟังแบบเดิมไม่ได้อีกเลย ดังนั้นเชื่อผมมันจะเปิดโลกของการได้ยิน ไปในแบบที่คุณเองก็ยังต้อง ปรบมือ… ก่อนจากลากันในครั้งนี้ผมขอฝากคำคมโดนใจ สัก 1 ประโยค “Everyone not fond of something. However, I do like.”

สรุปแล้วมันสำคัญยังไง?

มันเหมือนเป็นหัวใจของการผลิตเสียงคุณภาพสูงเลยนะ ไม่ว่าจะทำเพลง พอดแคสต์ หรืออะไรก็ตาม ถ้าอยากได้เสียงดีๆ ก็ต้องลงทุนกับเจ้าตัวนี้ล่ะ! แล้วเพื่อนๆ ล่ะ เคยใช้อินเทอร์เฟซเสียงตัวไหนมาบ้าง? ชอบหรือไม่ชอบตรงไหน แชร์ให้พวกเราฟังหน่อยสิ! เรารอแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทุกคนอยู่นะ ?

สุดท้ายนี้ อย่าลืมนะ การเลือกอินเทอร์เฟซเสียงที่ใช่ อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้งานเสียงของเราพุ่งแบบไม่มีหยุด! ลองดูแล้วจะรู้ว่า มันเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ! ??