เสียงเบสที่ขุ่นนั้น นอกจากจะทำให้รู้สึกว่าเบสไม่เด่นหรือไม่มีมวลแล้ว ยังทำให้งานมิกซ์นั้นฟังดูลอยๆ ไม่มีความหนักแน่น (ซึ่งฟังแล้วก็ไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลย) ซึ่งในวันนี้เราจะมาดูกันถึงเคล็ดลับเด็ดๆ 3 ข้อ ที่ใช้แก้ปัญหานี้กันเลยดีกว่า
เสียงเบสที่ขุ่นนั้นจะทำให้เสียงดูมัว ไม่คมชัด และดูยุ่งเหยิงในเวลาเดียวกัน แต่แน่นอนว่าเราก็ยังสามารถแก้ปัญหานี้ได้ โดยใช้ EQ เพื่อลดเสียงก้องที่อยู่ในย่านความถี่ต่ำ และป้องกันการทับกันของความถี่เสียง รวมทั้งการทำให้ย่านความถี่ Low-End ของเบสนั้นแคบลงโดยใช้ Stereo Imager และการทำ EQ บน Spatial Effect อีกทีหนึ่งด้วยเช่นกัน
1. ทำ EQ เสียงในย่าน Low-End พร้อมกับความถี่ทับซ้อน
โดยปกติแล้ว เสียงขุ่นทั้งหลายมักจะอยู่ในความถี่ที่ต่ำกว่า 40 Hz ขึ้นอยู่กับแนวเพลง โดยทั่วไป แทร็กเบสนั้นจะไม่ต้องการความถี่ที่ต่ำขนาดนี้ ซึ่งเราสามารถที่จะ Cut ความถี่ในส่วนนี้ทิ้งไป โดยใช้ EQ เริ่มจากใช้ High-Pass Filter ที่ช่วงความถี่ประมาณ 40 Hz แล้วจึงค่อยๆ Roll off มาจนถึงย่าน Low-End ทั้งหมด โดยต้องระวังด้วยว่าเราจะไม่ Cut ความถี่ในส่วนนี้มากไปจนทำให้เสียเนื้อเสียงของเบสไปด้วย
เสียงขุ่นมักจะเกิดจากการทับกันของความถี่เสียงของเบสละเครื่องดนตรีอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อมีเสียงกระเดื่องและเบสพร้อมกัน จะมีความถี่ฐาน (Fundamental) ไกล้เคียงกัน จะทำให้เกิดการทับซ้อนกันของเสียง ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นในการมิกซ์
เพื่อป้องกันการทับกันของเสียง เราจึงต้องเพิ่มพื้นที่ให้กับเสียงกระเดื่อง โดยทำ EQ ให้กับเสียงเบส ในช่วงความถี่ 100-120 Hz เป็นรูปร่างแบบ Bell โดยใช้ Bandwidth แคบๆ เพื่อที่จะปรับให้ความเสียงของเบสในช่วงนี้ลดลงและทำให้เสียงกระเดื่องเด่นขึ้นมานั่นเอง
แต่ถ้าเกิดว่าทำตามวิธีการข้างต้นแล้วเสียงเบสนั้นดูบางมากไป การใช้ Dynamic EQ โดยการทำ Sidechain Input สำหรับความถี่ที่มีปัญหานั้นจะช่วยให้เสียงเบสนั้นเด่นน้อยลงเมื่อมีการกระแทกกับกระเดื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่เกิดปัญหาในเวลาที่ต้องการให้เสียงเบสเด่นด้วยเช่นกัน
2. รวมย่าน Low-End ให้เป็น Mono
ตามปกติแล้ว เสียงเบสนั้นจะถูกบันทึกในรูปแบบ Mono ซึ่งแปลว่ามันก็ไม่แปลกเลยที่เราใช้ Stereo Widener เพื่อที่จะทำเสียงเบสให้เติมเต็มมิกซ์มากขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้เอฟเฟค Chorus ในการแยกส่วนความถี่สูงแล้วก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแย่ แต่การที่แยกส่วนความถี่ในช่วง Low-End นั้นสามารถทำให้เกิดปัญหาในส่วนของเฟสได้หากรวมแทร็กเป็น Mono
ลอง Duplicate แทร็กเบส แล้วใช้ Multiband Compressor ในแต่ละแทร็ก โดยตั้งค่า Crossover ในย่านความถี่ต่ำไว้ที่ 100 Hz ในทั้งสองแทร็ก แล้วจึง Solo เฉพาะย่านต่ำในแทร็กนึง และ Mute เสียงช่วงต่ำในอีกแทร็กนึง จากนั้นใช้ Stereo Imager ในแทร็กเสียงเบสแล้วรวมกันให้เป็น Mono
ปัญหาเกี่ยวกับเฟสมักจะทำให้เสียงของเราสูญเสียอิมแพคและมวลของเสียงไป อาจจะทำให้เกิดปัญหาเสียงขุ่นตามมาได้ ซึ่งเราสามารถได้ยินปรากฏการณ์นี้และจัดการแก้ไขโดยใช้ EQ เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ลองใช้ Low-Shelf Filter เพื่อ Boost ความถี่ในช่วงที่ต่ำกว่า 80-100 Hz เพื่อที่จะให้เสียงกลับมามีมวลมากขึ้น แน่นอนว่าจะทำให้เสียงมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบ Stereo หรือ Mono ก็ตามเพื่อที่จะเพื่อคืนพลังงานของย่านต่ำสุดที่สูญเสียไป ตอนนี้ ไม่ว่าแทร็กจะเล่นเป็นโมโนหรือสเตอริโอ เบสเสียงต่ำของกีตาร์เบสของคุณก็จะมีความสมดุลอย่างดี
หมายเหตุ: ความถี่ที่ต่ำกว่า 80-100 Hz นั้นอาจจะสังเกตในเรื่องของทิศทางเสียงได้ยาก โดยที่ผู้ฟังนั้นอาจจะสังเกตว่าเสียงนั้นฟังดูขุ่น แต่อาจจะแยกได้ยากว่าเสียงนั้นอยู่ในรูปแบบของ Stereo หรือ Mono
3. ทำ EQ บน Spatial Effect
การใช้ Reverb หรือ Delay กับเสียงเบสนั้นเป็นการทำลายเสียงเบสที่อัดมาได้อย่างสิ้นซาก แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะใช้เอฟเฟคพวกนี้ไม่ได้เลย ให้จำไว้ว่าเราสามารถใช้เอฟเฟคพวกนี้ได้ “แต่” ว่าต้องควบคุมการใช้ให้ดีเลยล่ะ!!
ปัญหาหลักที่พบในการใช้เอฟเฟคพวกนี้ ก็คือการทับกันของความถี่และปัญหาของเฟสที่เกิดขึ้นจากการที่เฟสลบของ Wet Signal กระทำต่อความถี่ในย่าน Low-End สัญญาณเดิม (Dry Signal) นั่นเอง
การใช้ High-Pass Filter กับ Wet Signal นั้นจะป้องกันไม่ให้ความถี่ซ้อนทับกันเอง โดยเลื่อนหาความถี่ที่จะ Cut ไปเรื่อยๆ จนเสียงขุ่นหมดไป
Credit: https://www.waves.com/how-to-fix-a-muddy-bass-guitar
