Share

🎵 Logic Pro 11.2 อัปเดตใหม่โหดขั้นสุด! สายทำเพลงพลาดคือโคตรเสียของ!

30/05/2025

 

 


 

วันนี้เราจะมาอัปเดตฟังก์ชั่นใหม่ของ Logic Pro กันเลย

🔥 สรุป 10 ไฮไลต์เด็ด Logic Pro รอบนี้ Update วิ่งนำคู่แข่งไปก่อน 1 ช่วงตัว
ประมาณสะกิดให้รุ้ว่าตรูเริ่มเอา Ai มาใช้แล้วนะเฟ้ยยย เพื่อไม่ให้เสียเกียรติ โรงเรียน Apple วิทยาคม
เดี๋ยวเจ้าอื่นตามมาอีกแน่นอนไม่ต้องห่วง 

1.Stem Splitter คือฟีเจอร์ใหม่ใน Logic Pro 11.2 ที่สามารถ แยกเสียงออกจากไฟล์เพลงเดิม ได้อัตโนมัติภายในไม่กี่วินาที 


 ความสามารถเด คือ แยกเสียง ร้อง / กลอง / เบส / กีตาร์ / เปียโน ออกมาเป็นแทร็ก Stems

  • รอบนี้แยกลึกกว่าเดิม — เสียงกีตาร์กับเปียโนสามารถแยกออกจากกันได้

  • ปรับ Submix ได้: จะเอาเฉพาะ Acapella (เสียงร้องอย่างเดียว), Instrumental, หรือเลือกแค่ 2 ชิ้นผสมกันก็ได้ เช่น ร้อง + เปียโน

  •  

2. Flashback Capture: กู้คืนสิ่งที่ลืมอัดได้!


     และฟีเจอร์ Flashback Capture ใน Logic Pro 11.2 คือฟีเจอร์สำหรับคนที่ “เล่นดีแล้วแต่ลืมกดอัด” 

ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง, MIDI หรือเครื่องดนตรีสด — Logic จะแอบเก็บเสียงนั้นไว้ให้โดยอัตโนมัติ
และเราสามารถกด “เรียกกลับมา” ได้ทันที ถ้าเรายังไม่ได้กด Play หรือ Record ทับมันไปก่อน


วิธีใช้แต่งท่อนฮุกอยู่ดีๆ ไม่ได้กด Record แต่ชอบมาก → Flashback กู้ให้

  • เล่น Synth หรือ Solo MIDI แล้ว Flow มาแบบเทพ → ไม่ต้องเริ่มใหม่

  • ใช้ใน Cycle Mode ได้ด้วย → วน Loop ซ้ำๆแล้วเลือกเอาช็อตที่ชอบได้ทีหลัง


 

      ตัวอย่างเช่น

📌- “แต่งเพลงสดๆ แล้ว Flow มาจากไหนไม่รู้”

นั่งดีดเปียโนใน Logic อยู่ดีๆแล้วได้เมโลดี้เทพแบบไม่ได้ตั้งใจ
แต่ไม่ได้กดอัดไว้เลย คิดว่าหายไปแล้วแน่ ๆ
เพียงแค่กด Flashback → Logic ดึงท่อนนั้นกลับมาให้ได้เลยทันทีทันใจ!


📌 – “เล่นกีตาร์สดใน Session แล้วลูกเทคนั้นดีมากกก”

เล่นผ่าน Interface เข้า Logic โดยไม่ได้อัดไว้ เพราะคิดว่าแค่ลอง
พอเล่นจบปุ๊บ รู้เลยว่าท่อนนั้นดีชิบเป๋ง
👉🏻 กด Flashback → เสียงนั้นกลับมาทั้ง Waveform พร้อมใช้ทันที 

 


📌-  “ซ้อมเพลงกับวง แล้วโยนไฟล์มาแยกต่อ”

ใช้ Flashback จับเสียงแบบกึ่ง Live แล้วค่อยไป Split เป็นแทร็กใน Stem Splitter ได้อีกที
→ ได้ทั้งไอเดียสด + Workflow

 


     ข้อควรรู้อีกอย่าง

  • Flashback จะเก็บเทคล่าสุดก่อน Play/Record เท่านั้น

  • ถ้ากด Play ทับไปแล้ว → จะหายไปเลยนะ (เพราะถือว่าเริ่ม Session ใหม่)

  • ไม่กิน RAM/Storage เยอะ เพราะ Logic เก็บแค่ Snapshot ก่อนรอบใหม่



ใครแต่งเพลงแบบอิมโพรไวส์เยอะๆ ฟีเจอร์นี้คือกู้ชีวิตจริงๆ
ไม่ต้องย้อนไปทำใหม่ ไม่ต้องเสียแรง ไม่ต้องเสียใจ… Logic รับจบ


3. Writing Tools + ChatGPT ฝังใน Logic

สำหรับใครที่ใช้งาน ChatGPT อยู่แล้ว จะรู้ว่าเราต้องไปใช้งานที่ ChatGPT โดยตรง

แต่ตอนนี้ Logic Pro ได้เอามาไว้ในตัวโปรแกรม ทำให้ไม่ต้องสลับไปหา ChatGPT — เพราะอยู่ใน Notepad แล้ว

  • ตรวจแกรมม่า / แต่งเนื้อเพลง / เสนอคอร์ดให้ตรง Key

  • ใส่ Prompt ภาษาไทยก็ได้ (ลองมาแล้ว สนุกมาก 555+)

    💡 ตัวอย่างเช่น

    📌 #1: “แต่งเนื้ออังกฤษแล้วไม่มั่นใจ”

    แต่งเนื้อท่อนฮุกภาษาอังกฤษเอง แต่ไม่ชัวร์ว่าแกรมม่าถูกมั้ย
    👉🏻 ใช้ Writing Tools ให้ช่วย “Proofread” → ได้เวอร์ชั่นใหม่ที่ฟังลื่นกว่า
    แล้วก็ Copy ลง Logic ได้เลย


    📌 #2: “มีท่อน A แล้วตัน”

    พิมพ์เข้าไปว่า “แต่งท่อน B ให้ต่อจากท่อนนี้แบบเศร้าๆ”
    ChatGPT แต่งมาให้แบบเสิร์ฟถึงห้องอัด
    ลองเอามาแต่งเสียงร้องต่อได้ทันที ไม่ต้องสลับหน้าจอเลย


    📌 # 3: “อยากได้คอร์ดที่ไม่ซ้ำชาวบ้าน”

    ลองพิมพ์ว่า “Suggest chord progression for indie-pop verse in C major”
    หรือแบบไทยเลยก็ได้ “อยากได้คอร์ดเพลงเศร้าแต่ไม่ต้องซ้ำกับคนอื่น”
    AI ช่วยคิดให้ —เอาไปลองเล่นในโปรเจกต์ต่อได้ทันที


    📌 # 4: “ใช้ Prompt ภาษาไทยก็ได้นะ”

    “ช่วยแต่งท่อนฮุกแนวอกหักแบบ Bodyslam ที่ใช้คำง่ายๆ”
    หรือ “หา 3 คำที่ใช้ขึ้นต้นเพลงแนวล่องลอยหน่อย”
    บอกเลยว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด สนุกโคตร ไปลองเล่นกันดู


         สรุปเลยว่า :

    AI ที่ฝังอยู่ใน Logic รอบนี้ไม่ใช่ของเล่น แต่เป็น “ผู้ช่วยแต่งเพลงได้แบบมือโปร”
    ไม่ต้องออกจาก DAW — ก็ได้ทั้งคำ คอร์ด และไอเดียใหม่ๆ ไม่มีวันหมดไอเดีย แบบ Real-time
    และที่สำคัญ… พูดไทยรู้เรื่องแล้วจ้า

     

4. Sound Pack ใหม่เจ๋งแบบโหดสัดรัชดา!

     Dancefloor Rush แน่น Drum & Bass ดุดันสะใจ ลูปแน่น เสียงกลองคือคมมากแบบ Club-Ready
  • เหมาะกับแนว EDM / Jungle / Rave / Techstep

  • มีทั้ง Kick, Snare, Hi-hat แบบจัดเต็มพร้อมลูป

  • ท่อน Drop มาโหดเหมือนโกรธมิกเซอร์

  •  

🎛️ Magnetic Imperfections

เทปวินเทจกลิ่นอนาล็อกแบบจงใจให้ “ดิบ”

  • เสียง Hissing, Wow & Flutter แบบเครื่องอัดเทปยุค 80s

  • ใช้ทำ Lo-fi, Chillhop หรือ Soundtrack ที่อยากให้ฟีล “จำได้แม่นตอนฝนตก”

     เอาไปใส่ใน Intro เพลงหรือท่อนเบรกกลางเพลง เหมือนพาเราย้อนยุคได้ทันที


         

📥 วิธีโหลดง่ายมาก:

    1. ไปที่ Logic > Sound Library > Download All Available Sounds

    2. หรือเปิด Loop Browser แล้วค้นชื่อ Pack ได้เลย

    3.  

5. iPad Version: ของจริง!

  • Apple ไม่ได้แค่นำ Logic มาลง iPad แบบขำๆ
    แต่คือ “ยกของจริง” มาใส่ในหน้าจอสัมผัสให้เต็มพิกัด
    และในเวอร์ชั่น 2.2 นี้คือ… อัปเกรดแบบ ลืมว่าใช้บนแท็บเล็ตไปเลย


          รองรับ MIDI Controller แบบละเอียดสุด

    • ต่อ MIDI Keyboard, Pad, Fader หรือ Controller ได้เต็มฟังก์ชัน

    • แถมยัง Mapping ปุ่ม/โน้ตต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำขึ้น

    • ใช้ได้ทั้งผ่าน USB-C และ Bluetooth MIDI

      เหมาะมากกับคนที่ทำ Live Loop หรือโปรดิวซ์นอกสถานที่


          Learn MIDI ใหม่: ใช้งานง่ายกว่าเดิม

    • ระบบ Learn Mode ถูกปรับให้ฉลาดขึ้น

    • ไม่ต้องกดหลายขั้นตอน ก็จับการกด MIDI แล้วแมปคำสั่งได้เลย

    • อินเทอร์เฟซใหม่ ลื่นไหล ใช้ง่ายแม้ไม่เคยแตะมาก่อน

      มือใหม่หัด Mapping จะร้องว่า “ของจริง” แบบไม่ต้องเปิดคู่มือ


            ต่อ Hardware แล้วลื่นปื้ดแบบ Mac

    • ต่อ interface / external synth / audio gear ผ่าน USB Hub ได้ทันที

    • ใช้พลังชิป M1 ขึ้นไป ทำให้ไม่มีอาการหน่วง (ใครใช้ iPad Pro ยิ่งโหด!)

    • Project ที่เริ่มใน iPad ย้ายไป Logic บน Mac ได้เนียนกริ๊บ ไม่มีปวดหัวเรื่อง Compatibility


    ✅ เหมาะกับใคร?

    • สายโปรดิวซ์ที่ ไม่อยากพก MacBook ไปทุกที่

    • มือใหม่ที่อยากเริ่ม Logic แบบประหยัด (เริ่มต้นเพียง $4.99/เดือน)

    • นักดนตรีที่ชอบ Live Performance / jam สดในงานหรือซ้อมวง


    ฟีลเหมือนมี “Logic แบบ Full Gear ที่หยิบใส่เป้เดินได้”
    ไม่ใช่แค่เวอร์ชั่นเบา แต่คือ “เครื่องมือจริง” ของคนทำเพลงจริงจัง

6. Undo History เก็บในโปรเจกต์!ย้อนอดีตได้แม่นยำ แม้ปิดเครื่องไปแล้ว


ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้:

“เมื่อวานลองปรับปลั๊กอินไว้ดีมาก…แต่จำไม่ได้ว่าเซ็ตตรงไหนไว้ยังไง”
เปิดโปรเจกต์มาก็เจอแค่สภาพสุดท้าย — ทุกอย่างที่ลองปรับไว้หายไปหมด

แต่ตอนนี้ Logic Pro 11.2 บันทึก Undo History มากับโปรเจกต์โดยตรง!


   หมายความว่าไม่ว่าคุณจะปิด Logic ไปกี่วัน

  • จะเปิดเครื่องใหม่กี่รอบ Logic จะ จำ Undo/Redo ของโปรเจกต์นั้นไว้ทั้งหมด

เท่ากับว่าต่อให้คุณง่วงนอนแล้วเผลอ Save ผิด หรือเผลอลบปลั๊กอินออกไป…
วันถัดมายังสามารถ “ย้อนกลับ” ได้เหมือนอยู่ใน Session เดิมเลย


    ตัวอย่างเช่น

  • -ลอง EQ เสียงกลองไว้หลายเวอร์ชั่น → วันรุ่งขึ้นอยากกลับไปเทียบเวอร์ชั่นที่ 3

  • แก้เนื้อร้องแล้วอยากเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนหน้า ลบ Track บางอย่างออกไปแล้วนึกเสียดายทีหลัง

ในทุกกรณีที่ว่ามา Logic จะเก็บ“ทุกจังหวะการทำงาน”ไว้ให้ เหมือนมีไทม์แมชชีนในโปรเจกต์เลยทีเดียว

7. Search & Select: โปรเจกต์ใหญ่แค่ไหนก็เอาอยู่

  • เคยมั้ย? ทำเพลงทีไร Track เป็นสิบ Region เป็นร้อย หาอะไรแทบไม่เจอ ต้องเลื่อนตาแตก กดผิดอีกต่างหาก…

    Logic Pro 11.2 เข้าใจหัวอกสายโปรดิวเซอร์มือหนักแบบเรา เลยอัปฟีเจอร์ Search & Select ให้ “แม่น-เร็ว-ตรงจุด” กว่าเดิมเยอะมากกก


      ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

    • ค้นหา Track name แบบพิมพ์ชื่อก็โผล่เลย

    • หา Instrument ตามประเภท / ชื่อ / Plugin

    • เจาะจง Region ที่ชื่อคล้ายกัน / อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง

    • ใช้ คำค้นเฉพาะบางคำ เช่น “Pad”, “Bridge”, “Vocal Take 3” แล้ว select ได้หมดในคลิกเดียว


        ตัวอย่างการใช้งาน

    -ทำเพลงประกอบหนัง 7 นาที มี 70 Tracks
    อยาก Solo เฉพาะเสียง FX ทั้งหมดที่ชื่อขึ้นต้นว่า “Whoosh”

    หรือทำ Beat แบบมี Drums หลายเวอร์ชั่น อยากเปิดเฉพาะ Take ที่ชื่อว่า “Alt Snare”

    พิมพ์แค่คำที่ต้องการ → Logic จะ Highlight / Select ให้ครบทุกอัน
    จากนั้นจะ Mute, Cut, Copy หรือ Bounce ก็ทำได้ง่ายๆ


          จุดเด่น

    • ใช้งานได้ทั้งใน Main Window / Mixer / Editor

    • ทำงานกับโปรเจกต์ใหญ่ๆ ได้ไวแบบทันใจจริงๆ

    • ประหยัดเวลา+ลดโอกาสกดผิดแบบรู้สึกได้เลย


    สำหรับสายโปรเจกต์ใหญ่ สายทำเพลงซีเรียส หรือแม้แต่คนที่ชอบตั้งชื่อ Track ไว้ละเอียดๆ
    ฟีเจอร์นี้ = เทวดาช่วยชีวิต

     

8. Dolby Atmos: ปรับได้โคตรเทพ

  • ✅ 1. Direct 2.0 Monitoring Mode

    — ฟีเจอร์นี้คือทางรอดสำหรับคนที่ไม่ได้มีลำโพง 7.1 หรือหูฟังเทพแพงๆ
    Logic จะมิกซ์เสียง Dolby Atmos ให้ จำลองใน Stereo 2.0 ได้แบบสมจริง

    พูดง่ายๆ: มีแค่หูฟังธรรมดา ก็ “ได้ยินภาพเสียงรอบตัว” แบบใกล้เคียงมาก!

     


    ✅ 2. Render Mode ใหม่: Music / Movie แยกกัน

    — เดิมทีการมิกซ์ Dolby Atmos ต้องเลือกระหว่างสองแนว
    ตอนนี้ Logic ให้คุณเลือก Render Mode ได้เลย ว่าจะเอาสำหรับ:

    • Music = เสียงรอบตัว แต่โฟกัสอยู่ที่อารมณ์/ดนตรี

    • Movie = เสียงกระจายจริงจัง เหมือนฉากแอ็กชันในโรงหนัง

    ถ้าแต่งเพลงปกติเลือก Music
    ถ้าทำงานเสียงประกอบภาพยนตร์/เกม/โฆษณา เลือก Movie ไปเลย


    🧠 ตัวอย่างการใช้งาน:

    • โปรดิวเซอร์ EDM อยากให้ Synth หลักลอยซ้าย-ขวาแบบล้อมหัว → ใช้ Render Mode: Music + Direct 2.0

    • ทำ Trailer หนัง → ใส่ระเบิดจากหลังไปหน้า ใช้ Render Mode: Movie เพื่อควบคุมทิศทางแม่นๆ


  •  

9. Mixer View ปรับใหม่หมด

  • Fader ยาวขึ้น

    — เลื่อนได้ละเอียดกว่าเดิมเยอะมาก
    ลองนึกถึงการปรับวอลลุ่ม +0.3 dB ได้แม่นๆโดยไม่ต้องขยายจอหรือเล็งแบบเครียดๆ

    แสดงผล Stack Type ได้ชัดขึ้น

    — ถ้าคุณใช้ Track Stack (เช่น กลองหลาย Track มัดรวมไว้)
    ตอนนี้ Logic แสดง Stack Type (Folder vs Summing) ได้ชัดเจน
    พร้อมให้คุณ ปรับ Routing และ Submix ได้ลึกขึ้น ในไม่กี่คลิก


          เหมาะกับใคร?

    • โปรเจกต์ที่มีหลาย Track (ร้อง, ดนตรี, FX แยกหมด)

    • คนที่ชอบจัด Layer เป็นหมวดหมู่ แล้วคุมจาก Group เดียว

    • สายมิกซ์ที่ต้องการความแม่นยำเรื่องวอลลุ่ม/บาลานซ์


           ตัวอย่าง:

    • รวมกลองเป็น Stack → ปรับ Stack Master ง่าย แยก Track ก็ยังดูได้ชัด

    • เสียงกีตาร์ 4 ไลน์ → Stack ให้ดูง่าย แล้วคุมโวลลุ่มรวมจากมิกเซอร์เดียว

10. Marquee + Chord Track ย้ายข้ามโปรเจกต์ได้

  • ใครที่เคยทำเพลงหลายPart หลาย Movement หรือชอบเขียนคอร์ด/โครงสร้างแบบละเอียดๆ จะเข้าใจดีว่า…

    เวลาจะย้าย Chord Track หรือ Time Selection ไปอีกโปรเจกต์ มันลำบากและน่าหงุดหงิดแค่ไหน!

    Logic Pro 11.2 เข้าใจสายทำเพลงแบบจริงจัง เลยปลดล็อกสิ่งนี้ให้แบบ… โคตรฟินนน 


          Marquee + Chord Track ข้ามโปรเจกต์ได้แล้ว

    • ลาก Marquee (Selection Tool) ข้าม Section ได้ → คัดลอกไปอีกโปรเจกต์

    • Chord Track ที่ตั้งไว้ → ย้ายไปอีก Session ได้ตรงเป๊ะ ไม่ต้องสร้างใหม่

    • เหมาะกับคนทำเพลงยาว (Film Score, Arrangement ซับซ้อน, Medley ฯลฯ)


         ตัวอย่างการใช้งาน

    -กำลังทำเพลงประกอบหนัง 4 ตอน
    ตอนที่ 1 ทำเสร็จแล้ว มี Chord Track / Tempo Map / Section Marking
    → ตอนที่ 2 อยากใช้โครงสร้างคล้ายกัน ไม่ต้องนั่งวางใหม่ทีละบาร์อีกแล้ว
    แค่ “ย้าย Marquee” หรือ “Import Chord Track” เข้าไป = จบ


       โคตรจะมีประโยชน์แบบชัดๆ:

    • Save เวลาโหดมากกก ไม่ต้องสร้างซ้ำ

    • ทำให้ทุกโปรเจกต์ อยู่ในคีย์เดียวกันแบบเป๊ะ

    • ช่วยคุมภาพรวมของทั้งเพลง / อัลบั้ม / ซาวด์แทร็กได้มืออาชีพกว่าเดิม


    แอดพูดเลย: Logic Pro เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้แค่เพิ่มของใหม่ แต่ “เพิ่มของที่เราต้องการมานานนนนมากกกก”
    ชิ้นเล็กๆแบบนี้แหละ ที่ทำให้ชีวิตโปรดิวเซอร์ดีขึ้นแบบรู้สึกได้

     


 อัปเดตฟรีทั้ง Mac และ iPad

  • Mac: โหลดฟรีผ่าน App Store ถ้าเคยซื้อแล้ว (ราคาใหม่ $199.99)

  • iPad: แค่ $4.99/เดือน หรือ $49.99/ปี พร้อมทดลองใช้ฟรี 1 เดือน

📎 อ่านรายละเอียดจาก Apple (ของจริง ไม่มโน)


 

    สรุปส่งท้ายจากห้องอัด

ใครใช้ Logic อยู่แล้วจะบอกเลยว่าอัปเดตรอบนี้ “ไม่กดคือพลาด”
เวอร์ชันนี้คือสายโปรดิวเซอร์จริงจังที่มีผู้ช่วยเป็น AI ประจำตัว 24 ชั่วโมง

ฟีลเหมือนอยู่ห้องเดียวกับ ChatGPT, Dolby Atmos, Stem Splitter, Flashback และ Tosin Abasi พร้อมกัน — เดือดเกินต้าน! ✨


#LogicPro112 #StemSplitter #FlashbackCapture #AIinMusic #ChatGPTinLogic #โปรดิวเซอร์สายสุขุมแต่ซัดหนัก