Share

Reverb 101 : วิธีใช้ Reverb ทั้ง 4 ประเภท

16/05/2024

ริเวิร์บ หรือเสียงก้อง เกิดขึ้นได้ทั้งตามธรรมชาติและในห้องบันทึกเสียง และสามารถเพิ่มความลึกและความอบอุ่นให้กับการบันทึกได้

ริเวิร์บคืออะไร?

ริเวิร์บ หรือการก้องกังวานของเสียง เกิดขึ้นเมื่อคลื่นเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงโดยตรงสะท้อนออกจากพื้นผิวในบริเวษหนึ่ง เช่น ห้อง เสียงที่ออกมาจากแหล่งกำเนิดโดยตรง อย่างเช่นเสียงพูดของคนหรือเครื่องดนตรี เรียกว่าเสียงโดยตรง คลื่นเสียงที่เกิดจากเสียงโดยตรงซึ่งเรียกว่าเสียงสะท้อนกลับ จะถูกปรับเปลี่ยนโดยคุณสมบัติทางด้านเสียงและวัตถุต่างๆ ภายในพื้นที่ที่ได้ยิน

เสียงที่สะท้อนกลับมาหรือเรียกว่าเสียงริเวิร์บนั้น จะสร้างเสียงก้องกังวานนานพิเศษ ซึ่งจะค่อยๆ เกิดขึ้นจากการสะท้อนครั้งแรกหรือ Early Reflections และค่อยๆ จางหายไปเมื่อถูกดูดซับด้วยวัตถุต่างๆ ภายในพื้นที่นั้น เสียงก้องหรือเสียงริเวิร์บนี้จะได้ยินอย่างชัดเจนหลังจากเสียงโดยตรงประมาณ 50 มิลลิวินาทีแล้ว เมื่อเสียงโดยตรงหยุดไปแล้ว ส่วนของเสียงก้องที่เหลืออยู่นี้เรียกว่า Reverb Tail หรือ Decay Time

ทำไมต้องใช้ริเวิร์บในดนตรี?

การใช้ริเวิร์บในงานผลิตดนตรีจะทำให้เกิดบรรยากาศสำหรับทั้งเสียงร้องและเครื่องดนตรี สามารถเพิ่มความลึกและความอบอุ่นให้กับการบันทึกเสียง รวมถึงความรู้สึกถึงพื้นที่และความกว้างอื่นๆนอกเหนือจากที่ได้ยินในห้องบันทึกเสียง ริเวิร์บสามารถสร้างขึ้นได้จากคุณสมบัติทางกายภาพของพื้นที่ที่บันทึกเสียง หรือผ่านการใช้ยูนิตริเวิร์บที่สามารถสร้างคุณสมบัติทางเสียงต่างๆ ด้วยเอฟเฟ็กต์พิเศษ ทั้งเครื่องดนตรีและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่แอมป์กีตาร์และซินท์ จนถึง pedal ริเวิร์บ ต่างก็มีคุณสมบัติริเวิร์บอยู่ด้วย

ที่มาของริเวิร์บในดนตรีคืออะไร?

ริเวิร์บในดนตรีมีรากเหง้ามาหลายศตวรรษ ตั้งแต่สมัยที่สนามกีฬากลางแจ้งและห้องคอนเสิร์ตถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อสร้างและควบคุมสัญญาณริเวิร์บตามธรรมชาติในการแสดงสดอย่างเต็มที่

• สภาพห้อง การสร้างห้องริเวิร์บสำหรับดนตรีที่จะบันทึกนั้น เริ่มต้นต้องการสภาพที่เฉพาะเจาะจง คือ ขนาดห้องและการวางไมโครโฟนที่ถูกต้อง โดยขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างไมโครโฟนและการแสดง ซึ่งการบันทึกอาจได้ “ดราย ซิกนอล” ที่เป็นเสียงดิบและยังไม่ผ่านการประมวลผล หรือ “เวทซิกนอล” ที่ได้รับผลจากริเวิร์บในห้องนั้น

• ห้องริเวิร์บ เมื่อเทคโนโลยีการบันทึกแบบอนาล็อกพัฒนามากขึ้น ห้องสะท้อนกังวานหรือห้องริเวิร์บพิเศษก็เริ่มถูกนำมาใช้ เพื่อสร้าง “แชมเบอร์ริเวิร์บ” โดยการส่งสัญญาณเสียงไปยังลำโพงในห้อง หลังจากนั้นก็มีระบบริเวิร์บแบบกลไกที่ใช้วัตถุแข็ง เช่น สปริงและแผ่นโลหะ ให้วิศวกรบันทึกเสียงสามารถควบคุมเวลาริเวิร์บได้มากขึ้น

• ริเวิร์บดิจิทัล ในที่สุด ริเวิร์บดิจิทัลก็กลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรม โดยใช้อัลกอริธึมในการสร้างสัญญาณริเวิร์บให้ดูเป็นธรรมชาติและแม่นยำมากขึ้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติ “พรี-ดีเลย์” ที่สามารถควบคุมระยะห่างเวลาระหว่างจุดสิ้นสุดของเสียงโดยตรงกับจุดเริ่มต้นของเสียงสะท้อนกลับ ปลั๊กอินริเวิร์บยังให้ตัวเลือกแบบซอฟต์แวร์ที่หลากหลายและสามารถเพิ่มเสน่ห์เฉพาะตัวให้กับดนตรี

4.ประเภทของริเวิร์บ

มีหลายประเภทของริเวิร์บ ขึ้นอยู่กับระบบหรือวิธีการที่สร้างมันขึ้นมา ได้แก่:

1. แชมเบอร์ริเวิร์บ หนึ่งในเอฟเฟ็กต์ริเวิร์บยุคแรกๆ แชมเบอร์ริเวิร์บนั้นต้องใช้พื้นที่ที่มีการกันเสียงตามธรรมชาติ ตั้งแต่ห้องเล็กๆ เช่นห้องน้ำที่มีกระเบื้องปูพื้น ไปจนถึงพื้นที่ใต้ดินคอนกรีต เพื่อส่งสัญญาณเสียงจากมิกซิ่งคอนโซลผ่านลำโพง แล้วจึงใช้ไมโครโฟนอีกตัวหนึ่งจับเสียงริเวิร์บในห้องนั้น

2. ริเวิร์บรูม เครื่องสร้างเสียงสะท้อนแบบดิจิทัลใช้กระบวนการเรียกว่า “คอนโวลูชันริเวิร์บ” ด้วยอัลกอริธึมในการสร้างเสียงสะท้อน โปรดิวเซอร์สามารถปรับแต่งอัลกอริธึมเพื่อให้ได้เสียงสะท้อนจากห้องเฉพาะที่ต้องการ ด้วยการใช้ตัวอย่างของ “อิมพัลส์ เรสปอนส์” หรือการตอบสนองของเสียงต่อการเปลี่ยนแปลงของห้องนั้นๆ

3. เพลทริเวิร์บ แทรนสดิวเซอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่แปลงพลังงานจากรูปแบบหนึ่งไปอีกรูปแบบหนึ่ง จะส่งความสั่นสะเทือนไปยังแผ่นแผ่นโลหะบางๆ เพื่อสร้างเพลทริเวิร์บ จากนั้นไมโครโฟนจะจับสัญญาณเสียงจากความสั่นสะเทือนเหล่านั้น เพื่อให้โปรดิวเซอร์สามารถนำมาผสมกับเสียงต้นฉบับหรือ “ดราย เรคคอร์ดดิง” ได้ เพลทริเวิร์บถูกนำมาใช้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 และยังคงใช้ในสตูดิโอบันทึกเสียงจนถึงปัจจุบัน

4. สปริงริเวิร์บ สปริงริเวิร์บเป็นระบบริเวิร์บแบบกลไกยุคแรกๆ อีกชนิดหนึ่ง ที่ทำงานด้วยการสั่นสะเทือนสปริงโลหะด้วยแทรนสดิวเซอร์ แล้วใช้ไมโครโฟนจับเสียงสะท้อนจากด้านตรงข้ามของสปริง สปริงริเวิร์บเริ่มนำมาใช้ในปี 1930 กับออร์แกนฮาร์ม่อนด์ และยังคงถูกนำมาใช้กับแอมป์กีตาร์จนถึงปัจจุบัน

วิธีการใช้ รีเวิร์บ กับเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ

นี่คือแนวทางสำหรับการใช้ รีเวิร์บ ในการผลิตดนตรี ที่จะทำให้ได้เสียงรีเวิร์บธรรมชาติ:

• เบส ทุกกรณีนี้การใช้รีเวิร์บน้อยๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด รีเวิร์บสามารถกลบความชัดเจนของเสียงเบสเสียงต่ำในการมิกซ์ได้ ดังนั้นจึงดีที่สุดที่จะนำมาใช้กับบางส่วนของเสียงเบส เช่น ความถี่สูงและกลาง

• กลองชุด การใช้เรเวิร์บกับกลองชุดแตกต่างกันไปตามเสียงที่ต้องการจากการบันทึกเสียง เกทรีเวิร์บ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างรีเวิร์บที่แรงและนอยส์เกทที่ควบคุมเสียงรบกวนส่วนเกินในการบันทึก จะสร้างจังหวะแบบครั้นชี่ พังก์ๆ แนวปี 80 แต่อาจไม่ค่อยได้ผลสำหรับการบันทึกแบบสด หรือเสียงที่ธรรมชาติมากนัก

• กีตาร์ ทั้งกีตาร์และซินธ์สามารถได้รับผลกระทบจากรีเวิร์บปริมาณมากๆ เสียงก้องของมันอาจมีผลในการทำให้เสียงคลุมเครือได้เช่นกัน ดีเลย์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากจะคงองค์ประกอบความลึก ในขณะที่รีเวิร์บอาจลดทอนลง

• เสียงร้อง เสียงร้องได้รับประโยชน์อย่างมากจากการใช้รีเวิร์บอย่างพอดี เพราะจะเพิ่มความอบอุ่นและความเต็มของเสียง และเติม

เต็มเสียงความธรรมชาติได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากใช้รีเวิร์บมากเกินไป เสียงร้องอาจจมในการมิกซ์ได้ และทำให้การออกเสียงและการร้องโดนกลบไป

แหล่งอ้างอิง

  1. “Reverb: The Essential Guide.” Sound on Sound, Apr. 2007,
    https://www.soundonsound.com/techniques/reverb-essential-guide.
  2. “Mixing with Reverb: How to Add Life to Your Mixes.” iZotope, 23 Aug. 2019,
    https://www.izotope.com/en/learn/mixing-with-reverb-how-to-add-life-to-your-mixes.html.
  3. “The Ultimate Guide to Reverb.” Waves,
    https://www.waves.com/ultimate-guide-to-reverb.
  4. ” Produce Like A Pro, 3 Jan. 2021,
    https://producelikeapro.com/blog/reverb-101/.
  5. ” Audinate, 15 Apr. 2020,
    https://www.audinate.com/learning/technical-papers/understanding-audio-reverb-and-measuring-its-effects.