1.ทำความรู้จักกับ Diatonic Chords คืออะไร
Diatonic Chords คือคอร์ดที่เกิดจากโน้ตในบันไดเสียงเมเจอร์ แบ่งเป็น 7 ระดับ:
1. คอร์ด I (Tonic) – คอร์ดหลัก เช่น C ในคีย์ C
2. คอร์ด ii (Super-tonic) – คอร์ดรอง เช่น Dm ในคีย์ C
3. คอร์ด iii (Mediant) – คอร์ดรอง เช่น Em ในคีย์ C
4. คอร์ด IV (Sub-dominant) – คอร์ดรอง เช่น F ในคีย์ C
5. คอร์ด V7 (Dominant) – คอร์ดดอมินันท์ เช่น G7 ในคีย์ C
6. คอร์ด vi (Sub-mediant) – คอร์ดรอง เช่น Am ในคีย์ C
7. คอร์ด vii° (Leading tone) – คอร์ดดิมินิชท์ เช่น Bdim ในคีย์ C
2.เรียนรู้ Major Scale และ Minor Scale
Major Scale และ Minor Scale คือบันไดเสียงพื้นฐานที่สำคัญในการทำเพลง
Major Scale (บันไดเสียงเมเจอร์):
1. โครงสร้าง: Whole-Whole-Half-Whole-Whole-Whole-Half
2. ตัวอย่างในคีย์ C: C-D-E-F-G-A-B-C
Minor Scale มี 3 แบบ:
1. Natural Minor
– โครงสร้าง: Whole-Half-Whole-Whole-Half-Whole-Whole
– ตัวอย่างในคีย์ Am: A-B-C-D-E-F-G-A
2. Harmonic Minor
– เพิ่มความเข้มของคอร์ด V7 โดยยกโน้ตตัวที่ 7 ขึ้นครึ่งเสียง
– ตัวอย่างในคีย์ Am: A-B-C-D-E-F-G#-A
3. Melodic Minor
– ขาขึ้น: A-B-C-D-E-F#-G#-A (คล้าย Major Scale)
– ขาลง: A-G-F-E-D-C-B-A (เหมือน Natural Minor)
3.เรียนรู้เรื่องขั้นคู่ (Intervals) พื้นฐาน
ขั้นคู่ (Intervals) คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว:
ขั้นคู่เมเจอร์ (Major)
ขั้นคู่ 2 เมเจอร์ (M2): C→D
ขั้นคู่ 6 เมเจอร์ (M6): C→A
ขั้นคู่ 7 เมเจอร์ (M7): C→B
ขั้นคู่ไมเนอร์ (minor)
ขั้นคู่ 2 ไมเนอร์ (m2): C→Db
ขั้นคู่ 3 ไมเนอร์ (m3): C→Eb
ขั้นคู่ 6 ไมเนอร์ (m6): C→Ab
ขั้นคู่ 7 ไมเนอร์ (m7): C→Bb
ขั้นคู่เพอร์เฟค (Perfect)
ขั้นคู่ 1 เพอร์เฟค (P1): C→C
ขั้นคู่ 4 เพอร์เฟค (P4): C→F
ขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค (P5): C→G
ขั้นคู่ 8 เพอร์เฟค (P8): C→C
4.การสร้างคอร์ด Triad (คอร์ดสามเสียง)
การสร้างคอร์ด Triad หรือคอร์ดสามเสียง มีดังนี้:
Major Triad
ประกอบด้วย: Root – Major 3rd – Perfect 5th
สัญลักษณ์: C
Minor Triad
ประกอบด้วย: Root – Minor 3rd – Perfect 5th
ตัวอย่าง C Minor: C-Eb-G
สัญลักษณ์: Cm
Diminished Triad
ประกอบด้วย: Root – Minor 3rd – Diminished 5th
ตัวอย่าง C Diminished: C-Eb-Gb
สัญลักษณ์: C°
Augmented Triad
ประกอบด้วย: Root – Major 3rd – Augmented 5th
ตัวอย่าง C Augmented: C-E-G#
สัญลักษณ์: C+
5.การสร้างคอร์ด 7th (Seventh Chords)
การสร้างคอร์ด 7th มีดังนี้:
Major 7th (Maj7)
ประกอบด้วย: Major Triad + Major 7th
สัญลักษณ์: CMaj7, CM7, C△7
Dominant 7th (7)
ประกอบด้วย: Major Triad + Minor 7th
ตัวอย่าง C7: C-E-G-Bb
สัญลักษณ์: C7
Minor 7th (m7)
ประกอบด้วย: Minor Triad + Minor 7th
ตัวอย่าง Cm7: C-Eb-G-Bb
สัญลักษณ์: Cm7
Half Diminished 7th (m7b5)
ประกอบด้วย: Diminished Triad + Minor 7th
ตัวอย่าง Cm7b5: C-Eb-Gb-Bb
สัญลักษณ์: Cm7b5, Cø7
Diminished 7th (dim7)
ประกอบด้วย: Diminished Triad + Diminished 7th
ตัวอย่าง Cdim7: C-Eb-Gb-Bbb
สัญลักษณ์: Cdim7, C°7
6.Extended Chords (คอร์ดขยาย 9, 11, 13)
Extended Chords คือการเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ด 7th:
1. คอร์ด 9 (Ninth Chords)
– Major 9: คอร์ด Maj7 + Major 9
– ตัวอย่าง CMaj9: C-E-G-B-D
– สัญลักษณ์: CMaj9, CM9
– Dominant 9: คอร์ด 7 + Major 9
– ตัวอย่าง C9: C-E-G-Bb-D
– สัญลักษณ์: C9
2. คอร์ด 11 (Eleventh Chords)
– Major 11: คอร์ด Maj9 + Perfect 11
– ตัวอย่าง CMaj11: C-E-G-B-D-F
– สัญลักษณ์: CMaj11, CM11
– Dominant 11: คอร์ด 9 + Perfect 11
– ตัวอย่าง C11: C-E-G-Bb-D-F
– สัญลักษณ์: C11
3. คอร์ด 13 (Thirteenth Chords)
– Major 13: คอร์ด Maj11 + Major 13
– ตัวอย่าง CMaj13: C-E-G-B-D-F-A
– สัญลักษณ์: CMaj13, CM13
– Dominant 13: คอร์ด 11 + Major 13
– ตัวอย่าง C13: C-E-G-Bb-D-F-A
– สัญลักษณ์: C13
7.การ Modulation (การเปลี่ยนคีย์) พื้นฐาน
การ Modulation มี 3 วิธีพื้นฐาน:
1. Common Chord Modulation
– ใช้คอร์ดที่มีร่วมกันระหว่าง 2 คีย์
– ตัวอย่างจากคีย์ C ไป G:
* คอร์ด G เป็น V ในคีย์ C
* คอร์ด G เป็น I ในคีย์ G
* ลำดับ: C → G → D7 → G
2. Direct Modulation
– เปลี่ยนคีย์ทันทีแบบฉับพลัน
– นิยมเปลี่ยนขึ้นครึ่งเสียง หรือ 4 เสียง
– ตัวอย่าง:
* C → C# (ขึ้นครึ่งเสียง)
* C → F (ขึ้น 4 เสียง)
3. Pivot Chord Modulation
– ใช้คอร์ดที่มีหน้าที่ต่างกันใน 2 คีย์
– ตัวอย่างจากคีย์ C ไป G:
* Am เป็น vi ในคีย์ C
* Am เป็น ii ในคีย์ G
* ลำดับ: C → Am → D7 → G
8.คอร์ดแทน (Substitute Chords) พื้นฐาน
คอร์ดแทน คือการใช้คอร์ดอื่นที่มีโน้ตคล้ายกันแทนคอร์ดหลัก:
1. คอร์ดแทนแบบ Relative
– iii แทน I (Em แทน C)
– ii แทน IV (Dm แทน F)
2. คอร์ดแทนแบบ Secondary Dominant
– V7/V แทน ii (D7 แทน Dm)
– V7/ii แทน vi (A7 แทน Am)
– V7/vi แทน iii (E7 แทน Em)
3. คอร์ดแทนแบบ Tritone Substitution
– แทนคอร์ด V7 ด้วยคอร์ด bII7
– ตัวอย่าง: Db7 แทน G7 ในคีย์ C
– ลำดับ: Dm7 → Db7 → CMaj7
4. คอร์ดแทนแบบ Diminished
– dim7 แทน V7
– ตัวอย่าง: Bdim7 แทน G7
– ใช้เป็นคอร์ดผ่าน (Passing Chord)
9.Secondary Dominant และการนำไปใช้
Secondary Dominant คือคอร์ด V7 ที่นำไปสู่คอร์ดอื่นที่ไม่ใช่คอร์ด I:
1. V7/V (Five of Five)
– ตัวอย่างในคีย์ C:
* D7 (V7) → G (V)
* ลำดับ: C → D7 → G7 → C
2. V7/ii
– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด ii
– ตัวอย่างในคีย์ C:
* A7 (V7) → Dm (ii)
* ลำดับ: C → A7 → Dm → G7
3. V7/vi
– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด vi
– ตัวอย่างในคีย์ C:
* E7 (V7) → Am (vi)
* ลำดับ: C → E7 → Am → G7
4. V7/IV
– คือคอร์ด V7 ของคอร์ด IV
– ตัวอย่างในคีย์ C:
* C7 (V7) → F (IV)
10.Modal Interchange (การยืมคอร์ดจาก Mode อื่น)
Modal Interchange คือการยืมคอร์ดจาก Mode อื่นมาใช้ในคีย์หลัก:
1. ยืมคอร์ดจาก Parallel Minor
– ในคีย์ C Major สามารถยืมคอร์ดจาก C Minor:
* bVI (Ab) แทน vi (Am)
* bIII (Eb) แทน iii (Em)
* iv (Fm) แทน IV (F)
* bVII (Bb) แทน V7 (G7)
2. คอร์ดที่นิยมยืมมาใช้
– bVI – bVII – I
* ตัวอย่างในคีย์ C: Ab – Bb – C
– iv – V7 – I
* ตัวอย่างในคีย์ C: Fm – G7 – C
– i – IV – I
* ตัวอย่างในคีย์ C: Cm – F – C
3. การนำไปใช้
– ใช้สร้างความรู้สึกหม่น เศร้า
– เพิ่มสีสันให้คอร์ดโปรเกรสชัน
– สร้างความน่าสนใจในท่อนเชื่อม
11.การใช้ Circle of Fifths ในการทำเพลง
Circle of Fifths คือวงจรคอร์ดที่เรียงตามขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค:
1. ลำดับของ Circle of Fifths
– ตามเข็มนาฬิกา (เพิ่มช้าร์ป): C → G → D → A → E → B → F# → C#
– ทวนเข็มนาฬิกา (เพิ่มแฟลต): C → F → Bb → Eb → Ab → Db → Gb → Cb
2. การนำไปใช้ในการทำเพลง
– ii-V-I Progression
* ตัวอย่างในคีย์ C: Dm7 → G7 → C
* ตัวอย่างในคีย์ G: Am7 → D7 → G
3. การเชื่อมคอร์ดแบบ Circle Progression
– คีย์ C: Dm7 → G7 → CMaj7 → Fmaj7 → Bm7b5 → E7 → Am7
– สร้างความรู้สึกเคลื่อนที่และลื่นไหล
4. การหาคีย์ที่สัมพันธ์กัน
– คีย์ที่อยู่ติดกันใน Circle สามารถ Modulate ถึงกันได้ง่าย
– ใช้หาคอร์ดที่เข้ากันในการแต่งเพลง
12.การใช้ Modes (โหมด) ในการทำเพลง
Modes คือบันไดเสียงที่สร้างจากการเริ่มต้นที่โน้ตต่างๆ ใน Major Scale:
1. Ionian (Major Scale)
– ตัวอย่างในคีย์ C: C D E F G A B C
– ให้ความรู้สึก: สดใส มั่นคง
2. Dorian
– เริ่มจากโน้ตที่ 2
– ตัวอย่างจาก C Major: D E F G A B C D
– ให้ความรู้สึก: เศร้าแต่มีความหวัง
3. Phrygian
– เริ่มจากโน้ตที่ 3
– ตัวอย่างจาก C Major: E F G A B C D E
– ให้ความรู้สึก: ลึกลับ ตะวันออก
4. Lydian
– เริ่มจากโน้ตที่ 4
– ตัวอย่างจาก C Major: F G A B C D E F
– ให้ความรู้สึก: สว่าง ล่องลอย
5. Mixolydian
– เริ่มจากโน้ตที่ 5
– ตัวอย่างจาก C Major: G A B C D E F G
– ให้ความรู้สึก: สนุก เป็นกันเอง
6. Aeolian (Natural Minor)
– เริ่มจากโน้ตที่ 6
– ตัวอย่างจาก C Major: A B C D E F G A
– ให้ความรู้สึก: เศร้า หม่นหมอง
7. Locrian
– เริ่มจากโน้ตที่ 7
– ตัวอย่างจาก C Major: B C D E F G A B
– ให้ความรู้สึก: ตึงเครียด ไม่มั่นคง
13.การใช้คอร์ด Suspended (Sus Chords)
คอร์ด Suspended คือคอร์ดที่แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยโน้ตอื่น:
1. Sus4 (Suspended 4th)
– แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยขั้นคู่ 4
– โครงสร้าง: 1-4-5
– ตัวอย่าง:
* Csus4: C-F-G
* Gsus4: G-C-D
2. Sus2 (Suspended 2nd)
– แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยขั้นคู่ 2
– โครงสร้าง: 1-2-5
– ตัวอย่าง:
* Csus2: C-D-G
* Gsus2: G-A-D
3. การนำไปใช้
– เป็นคอร์ดผ่าน (Passing Chord)
– สร้างความรู้สึกลอย ไม่จบ
– นิยมใช้สลับกับคอร์ดปกติ:
* C → Csus4 → C
* G → Gsus2 → G
4. Sus7 Chords
– ผสมระหว่าง Sus กับ 7th
– ตัวอย่าง:
* C7sus4: C-F-G-Bb
* G7sus4: G-C-D-F
14.การใช้คอร์ด Add (Added Tone Chords)
คอร์ด Add คือการเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ดพื้นฐานโดยไม่ต้องเรียงตามลำดับ:
1. Add9 Chords
– เพิ่มโน้ต 9 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน
– ต่างจาก 9th ตรงที่ไม่มีโน้ต 7
– ตัวอย่าง:
* Cadd9: C-E-G-D
* Gadd9: G-B-D-A
2. Add11 Chords
– เพิ่มโน้ต 11 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน
– ตัวอย่าง:
* Cadd11: C-E-G-F
* Gadd11: G-B-D-C
3. Add6 Chords
– เพิ่มโน้ต 6 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน
– ตัวอย่าง:
* Cadd6: C-E-G-A
* Gadd6: G-B-D-E
4. การนำไปใช้
– สร้างความหวาน นุ่มนวล
– เพิ่มสีสันให้คอร์ดโดยไม่เปลี่ยนฟังก์ชัน
– นิยมใช้ในเพลงป็อปและแจ๊ส
15.การใช้คอร์ด Slash Chords (คอร์ดสแลช)
Slash Chords คือคอร์ดที่มีโน้ตเบสต่างจากรูทโน้ต เขียนในรูปแบบ คอร์ด/เบส:
1. คอร์ดสแลชพื้นฐาน
– C/E: คอร์ด C แต่ใช้ E เป็นเบส (E-G-C)
– C/G: คอร์ด C แต่ใช้ G เป็นเบส (G-C-E)
– Am/C: คอร์ด Am แต่ใช้ C เป็นเบส (C-A-C-E)
2. การใช้งานทั่วไป
– สร้างการเคลื่อนที่ของเบส
– เชื่อมระหว่างคอร์ด
– ตัวอย่าง: C → C/B → Am → Am/G → F → F/E → Dm → G
3. คอร์ดสแลชที่นิยมใช้
– คอร์ดเมเจอร์: C/E, F/A, G/B
– คอร์ดไมเนอร์: Am/C, Em/G, Dm/F
– คอร์ดเซเวน: G7/B, D7/F#, C7/E
4. ประโยชน์
– ทำให้การเคลื่อนที่ของเบสราบรื่น
– สร้างความน่าสนใจให้คอร์ดโปรเกรสชัน
– เพิ่มมิติให้กับการประสานเสียง
16.การใช้ Altered Dominant Chords
Altered Dominant Chords คือการปรับเปลี่ยนโน้ตในคอร์ด Dominant 7 เพื่อสร้างความน่าสนใจ:
1. Altered Notes ที่นิยมใช้
– #9 (sharp nine)
– b5 หรือ #11
– b13 หรือ #5
2. รูปแบบ Altered Dominant ที่นิยม
– 7(b9): G7(b9) = G-B-D-F-Ab
– 7(#9): G7(#9) = G-B-D-F-A#
– 7(b5): G7(b5) = G-B-Db-F
– 7(#5): G7(#5) = G-B-D#-F
– 7(b9,b13): G7(b9,b13) = G-B-D-F-Ab-Eb
3. การนำไปใช้
– ใช้แทน V7 ปกติเพื่อเพิ่มความตึงเครียด
– นิยมในเพลงแจ๊สและฟิวชัน
– สร้างความรู้สึกไม่คาดคิด ก่อนจบประโยค
4. ตัวอย่างการใช้งาน
– ii-V7alt-I: Dm7-G7(b9,b13)-CM
17.การใช้ Polychords (การซ้อนคอร์ด)
1. ความหมาย:
– การนำคอร์ดตั้งแต่ 2 คอร์ดขึ้นไปมาซ้อนกัน
– เขียนด้วยเครื่องหมาย | ระหว่างคอร์ด เช่น E|C
– ใช้ในการ Voicing แบบแจ๊ส
– สร้างความซับซ้อนทางเสียง
– ใช้ในการ Reharmonization
– สร้าง Tension และ Resolution
3. ตัวอย่างที่นิยม:
– Maj/Dom7: CMaj|G7
– Dom7/Dom7: G7|Db7 (Tritone)
– Maj/min: C|Am
– Sus/Triad: Gsus4|C
4. เทคนิคการเล่น:
– วางคอร์ดให้มีระยะห่างที่เหมาะสม
– ควบคุม Voice Leading
– ระวังการซ้ำของโน้ต
– สร้างความสมดุลระหว่างคอร์ด
18.Tension and Resolution
1. การสร้าง Tension ด้วยคอร์ด
– ใช้คอร์ดที่มี Tension Notes
ตัวอย่าง:
– Am7 → D7(#9) → GMaj7
2. การสร้าง Tension ด้วยการเคลื่อนที่ของคอร์ด
– ใช้ Secondary Dominant
ตัวอย่าง:
– C → E7 → Am → A7 → Dm → G7 → C
– C → C7 → F → Fm → C
3. การสร้าง Tension ด้วย Voice Leading
– เคลื่อนที่จากคอร์ดหนึ่งไปอีกคอร์ดอย่างราบรื่น
ตัวอย่าง:
– CMaj7 → Am9 → Dm11 → G13 → CMaj7
– Em7 → A13 → DMaj9 → G7alt → CMaj7
19.การใช้ Chromatic Approach Chords
Chromatic Approach Chords คือการใช้คอร์ดที่อยู่ห่างกันครึ่งเสียงเพื่อเข้าสู่คอร์ดเป้าหมาย:
1. วิธีการใช้งานพื้นฐาน
– Approach จากด้านบน (ครึ่งเสียงลง)
– Approach จากด้านล่าง (ครึ่งเสียงขึ้น)
– Double Approach (ทั้งบนและล่าง)
2. รูปแบบที่นิยม
– ใช้ dim7 เป็นตัว Approach
– ใช้ dom7 เป็นตัว Approach
– ใช้ m7b5 เป็นตัว Approach
3. ตัวอย่างการใช้งาน
– C → Dbdim7 → Dm7
– Cmaj7 → B7 → Bbm7
– Dm7 → Ebm7 → Em7
4. เทคนิคพิเศษ
– การใช้ Chromatic Line Bass
– การใช้ Chromatic Inner Voice
– การสร้าง Walking Bass Line
20.การใช้ Reharmonization Techniques
Reharmonization คือการปรับเปลี่ยนคอร์ดโปรเกรสชันเดิมให้น่าสนใจขึ้น:
1. เทคนิคพื้นฐาน
– การเพิ่มคอร์ดผ่าน (Passing Chords)
– การแทนที่คอร์ด (Chord Substitution)
– การเพิ่มคอร์ดรอง (Secondary Chords)
– การใช้ Tritone Substitution
2. วิธีการ Reharmonize
– เปลี่ยนคอร์ดแต่คงเมโลดี้เดิม
– เพิ่มการเคลื่อนที่ของเบส
– ใช้คอร์ดที่ซับซ้อนขึ้น
– สร้างการเคลื่อนที่ของ Voice Leading
3. ตัวอย่างการ Reharmonize
จากคอร์ดพื้นฐาน: C – Am – F – G7
เป็น: CMaj9 – Am11 – F6/9 – G13b9
4. การประยุกต์ใช้
– ปรับเพลงป็อปให้เป็นแจ๊ส
– สร้างความน่าสนใจในท่อนเชื่อม
– เพิ่มความซับซ้อนในการประสานเสียง
